ใครที่ชอบแคะหูอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะหลังการอาบน้ำ ที่จะต้องนำคัตตอนบัดหรือสำลีมาปั่นหูเป็นประจำ พฤติกรรมเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการขี้อุดตัน หูอื้อ แก้วหูทะลุ รวมถึงเสี่ยงต่อ “โรคเชื้อราในช่องหู” อีกด้วย วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาไปรู้จักกับโรคเชื้อราในช่องหูให้ละเอียดมากขึ้น
โรคเชื้อราในช่องหู (Otomycosis) หมายถึง หูชั้นนอกมีการติดเชื้อรา ทำให้หูเกิดการอักเสบ และมีกลิ่นเหม็นภายในช่องหู โดยโรคเชื้อราในช่องหูนั้นมักพบในคนที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคที่มีอากาศอบอุ่นหรือร้อนชื้น และผู้ที่เล่นกีฬาว่ายน้ำ รวมถึงผู้ที่มีอาการป่วยเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคผิวหนัง เป็นต้น อย่างไรก็ตามโรคเชื้อราในช่องหูนั้นไม่ใช่โรคอันตราย ร้ายแรง สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการใช้ยาต้านเชื้อ
โรคเชื้อราในช่องหูเกิดจากเชื้อราเกือบ 60 สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน พบได้บ่อยที่สุดคือเชื้อราสายพันธุ์แอสเปอร์จิลลัส (Aspergillus) และแคนดิดา (Candida) นอกจากนี้แบคทีเรียบางชนิดสามารถรวมกับเชื้อราและทำให้เกิดการติดเชื้อมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะในบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อราในช่องหู ดังนี้
อาการหูอื้อนั้น เป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนของโรคเชื้อราในช่องหู อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นในหูข้างใดข้างหนึ่ง แต่ในบางกรณีอาจพบในหูสองข้างพร้อมๆกันได้ และพบว่ามีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยดังนี้
โรคเชื้อราในช่องหูมีวิธีการรักษาด้วยกันหลายวิธี โดยแพทย์จะทำความสะอาดในรูหูอย่างละเอียด เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกตกค้างภายในรูหูออกมา และใช้ยาหยอดหูเพื่อต้านเชื้อราในช่องหู เช่น ยาโคลไตรมาโซล (Clotrimazole) ยาฟลูโคนาโซล (Fluconazole) หรือยาที่มีส่วนผสมของกรดแอซีติก (Acetic acid) โดยมีวิธีในการป้องกันการเกิดเชื้อราในช่องหูดังต่อไปนี้