บัวขาว บัญชาเมฆ

บัวขาว บัญชาเมฆ
บัวขาว บัญชาเมฆ

บัวขาว บัญชาเมฆ

  ร้อยตรี สมบัติ บัญชาเมฆ หรือ บัวขาว บัญชาเมฆ ชื่อในวงการว่า บัวขาว [2] เกิดวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2525 เป็นนักมวยไทย เชื้อสายกูย ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในวงการการต่อสู้ระดับสากล โดยเฉพาะในทวีปยุโรปและประเทศญี่ปุ่น เคยเป็นนักมวยไทยสังกัดค่ายมวย ป.ประมุข ส่วนสูง 174 เซนติเมตร น้ำหนัก 70 กิโลกรัม บัวขาวจัดเป็นหนึ่งในนักกีฬาอาชีพไทยที่ทำรายได้สูง โดยส่วนใหญ่มาจากการชกมวยที่ต่างประเทศ นอกจากนี้แล้ว ยังมีผลงานการแสดงในภาพยนตร์ไทยเรื่อง ซามูไร อโยธยา[3] และใน พ.ศ. 2554 บัวขาวได้เข้าร่วมแข่งขันในรายการไทยไฟต์ ที่ประเทศไทย ในรุ่น 70 กิโลกรัม[4] ซึ่งได้เป็นแชมป์ของการแข่งขัน[5] บัวขาวเข้าแข่งขันไทยไฟต์อีกครั้งในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี โดยครั้งนี้ได้พบกับเมาโร เซียรา ซึ่งเป็นนักมวยไทยชาวอิตาลี และบัวขาวเป็นฝ่ายชนะน็อค[6] นอกเหนือจากกีฬาชกมวยแล้ว บัวขาวยังเล่นฟุตบอลอาชีพในไทยลีก ดิวิชั่น 2 ให้กับสโมสรฟุตบอลอาร์แบคในฤดูกาล 2014 ในตำแหน่งศูนย์หน้า[7] ปัจจุบันบัวขาวยังรับราชการทหารที่โรงเรียนกำลังสำรอง หน่วยบัญชาการรักษาดินแดนและจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต

 

ข้อมูลส่วนตัว

 

ชื่อจริง

สมบัติ บัญชาเมฆ

 

ฉายา

ดำดอตคอม แบล็กโกลด์

 

วันเกิด

8 พฤษภาคม พ.ศ. 2525 (38 ปี)

 

สถานที่เกิด

จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย

 

ส่วนสูง

174

 

น้ำหนัก

70 กก53 ปอนด์)

 

รุ่น เฟเธอร์เวท
ไลท์เวท
เวลเตอร์เวท
จูเนียร์มิดเดิลเวท
ค่ายมวย

ค่ายมวย ป.ประมุข (อดีต)


ค่ายมวยบัญชาเมฆ (ปัจจุบัน)

 

ผู้จัดการ

ว่าที่ร้อยโท ธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม

 

ผู้ฝึกสอน

ว่าที่ร้อยโท ธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม


วุฒิศักดิ์ สาสังข์


ธีระพงศ์ ธรรมทอง

สถิติ
ชก 330
ชนะ 295
ชนะน็อก 72
แพ้ 23
เสมอ 12

 

ประวัติ

  

  สมบัติ บัญชาเมฆ หรือบัวขาว เกิดและเริ่มชีวิตอาชีพมวยไทย ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ที่อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์ จากนั้น เขาได้เข้ากรุงเทพมาสังกัดค่ายมวย ป.ประมุข เมื่ออายุ 15 ปี บัวขาวได้รับเข็มขัดแชมป์มาครองเป็นจำนวนมากภายหลังเริ่มอาชีพมวยไทยที่กรุงเทพ ได้แชมป์เวทีมวยสยามอ้อมน้อย รุ่นเฟเธอร์เวท แชมป์ประเทศไทยรุ่นเฟเธอร์เวท และแชมป์ที่เวทีมวยสยามอ้อมน้อยอีกครั้ง ในรุ่นไลท์เวท ในปี พ.ศ. 2545 บัวขาวชนะเลิศมวยไทยมาราธอนโตโยต้า รุ่น 140 ปอนด์ ที่สนามมวยเวทีลุมพินี ชนะโคบายาชินักชกชาวญี่ปุ่น

 พ.ศ. 2547 บัวขาวชนะเลิศรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ 2004 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยชนะ จอห์น เวย์น พาร์ นักมวยไทยชาวออสเตรเลีย โคะฮิรุมาคิ ทากะยูกิ และมาซาโตะแชมป์เก่าชาวญี่ปุ่น และในปีต่อมา บัวขาวเกือบที่จะรักษาแชมป์รายการ เค-วัน ได้ โดยแพ้คะแนน แอนดี้ ซาวเวอร์ ในนัดชิงชนะเลิศอย่างน่ากังขา

 พ.ศ. 2549 บัวขาวเข้าชิงชนะเลิศรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ ได้ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 และเป็นแชมป์ได้อีกครั้ง โดยเป็นนักมวยคนแรกในรายการนี้ที่ชนะเลิศสองสมัย

 พ.ศ. 2550 บัวขาวเข้าแข่งขันรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ ในวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2550 บัวขาวสามารถผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายโดยชนะคะแนน ไนกีย์ "เดอะ เนเจอรัล" โฮลต์ซเคน นักมวยชาวฮอลแลนด์

 พ.ศ. 2551 บัวขาวเข้าแข่งขันรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ โดยบัวขาวแพ้น็อกให้กับ โยชิฮิโร ซาโตะ นักมวยชาวญี่ปุ่น แฟนมวยบางส่วนกังขาว่ามีการล้มมวยหรือไม่ แต่พิจารณาแล้วพบว่าบัวขาวแพ้น็อกจริง ๆ ด้วยเข่าของซาโตะทำให้จุกและโดนหมัดฮุคเข้ากกหูสลบคาเวที นับเป็นความเสียใจของผู้ชมชาวไทยครั้งหนึ่ง

 พ.ศ. 2552 บัวขาวเข้าแข่งขันรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ โดยคราวนี้สามารถเข้าถึงรอบ 4 คนสุดท้าย แต่ต้องมาแพ้คะแนนให้แอนดี้ ซาวเวอร์ คู่ปรับเก่าอย่างน่ากังขาอีกหน บัวขาวถึงกับออกมาให้สัมภาษณ์ว่าอยากให้กรรมการชี้แจงผลการตัดสิน แฟนมวยเควันต่างพากันเห็นใจบัวขาวโดยมีหลักฐานคือผลโหวตนักสู้เค-วันแม็กซ์ของปีนี้ บัวขาวได้เป็นอันดับ 2 ด้อยกว่าเพียงจอร์จิโอ เปโตรเซียน ผู้เป็นแชมป์รายการเควันปีนี้เท่านั้น

 พ.ศ. 2554 บัวขาวได้เข้าแข่งขันในรายการไทยไฟท์ โดยเป็นฝ่ายชนะน็อค ไมเคิล พิซิเทโล่ ซึ่งเป็นนักมวยไทยชาวฝรั่งเศสในรอบรองชนะเลิศ และได้พบกับแฟร้งค์ จอร์จี้ จากประเทศออสเตรเลียในรอบชิงชนะเลิศที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ในวันที่ 18 ธันวาคม ของปีเดียวกันนี้ ซึ่งบัวขาวเป็นฝ่ายชนะ และครองแชมป์ในการแข่งขันครั้งนี้

  พ.ศ. 2555 บัวขาวตกเป็นข่าวฮือฮาเมื่อได้หายตัวออกจากค่ายอย่างเป็นปริศนา หลังจากนั้นไม่นาน บัวขาวก็ได้ปรากฏตัวพร้อมเผยว่า ที่ต้องหนีออกจากค่ายเนื่องจากไม่พอใจในหลาย ๆ อย่าง และต้องการเป็นอิสระ ซึ่งทางค่าย ป.ประมุขก็ได้เผยว่า หากบัวขาวขึ้นชกต่อไป จะถือว่าผิดสัญญาตามกฎหมาย และจะทำการฟ้องร้อง แต่ในในวันที่ 17 เมษายน บัวขาวได้ขึ้นชกในรายการไทยไฟท์ ในนัดเปิดรายการ ที่แหลมบาลีฮาย พัทยา ในรุ่น 70 กิโลกรัม ในฐานะแชมป์เก่า เป็นฝ่ายเอาชนะน็อก รัสเต็ม ซารีปอฟ นักมวยชาวรัสเซียไปได้ในยกที่ 2 ซึ่งหลังการชก บัวขาวเปิดเผยว่า ตนขึ้นชกโดยไม่กลัวว่าจะผิดกฎหมาย แม้จะต้องติดคุกก็ตาม  ปัจจุบัน ทำค่ายมวยที่บ้านเกิดบ้านสองหนอง อำเภอสำโรงทาบจ.สุรินทร์ "ค่ายบัญชาเมฆ"เพื่อให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสศึกษาศิลปะแม่ไม้มวยไทย

การหายตัวไปใน พ.ศ. 2555

  ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2555 บัวขาวได้หายตัวไปอย่างลึกลับ และไม่สามารถติดต่อได้ โดยทางฝ่ายจัดการได้ยกเลิกแผนการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ตลอดจนแผนการแข่งขันที่จะจัดขึ้นทั้งในประเทศฝรั่งเศส และอังกฤษ โดยมีการกล่าวถึงการหายตัวของบัวขาวในสื่อมวลชนหลายแห่ง ทั้งในและนอกประเทศไทย และในที่สุด บัวขาวก็ได้เปิดเผยตัว โดยให้สัมภาษณ์ว่า ที่หายตัวนั้นไปไม่ได้เป็นอารมณ์ชั่ววูบ แต่ตัดสินใจอย่างดีแล้ว เนื่องจากไม่พอใจในเรื่องส่วนแบ่งค่าตัวของตัวเอง และนักมวยรุ่นน้องในค่าย[

 ที่สุดในวันที่ 17 เมษายน ปีเดียวกัน บัวขาวได้ขึ้นชกในรายการไทยไฟท์ ที่แหลมบาลีฮาย พัทยา ในรุ่น 70 กิโลกรัม ในฐานะแชมป์เก่า และถือเป็นนักมวยแทน ไทรโยค พุ่มพันธุ์ม่วง ที่พักผ่อนไม่เกิน 21 วัน ตามพระราชบัญญัติกีฬามวย โดยเป็นฝ่ายเอาชนะน็อก รัสเต็ม ซารีปอฟ นักมวยชาวรัสเซียไปได้ในยกที่ 2 ซึ่งหลังการชก บัวขาวเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตนขึ้นชกโดยไม่กลัวว่าจะผิดกฎหมาย แม้จะต้องติดคุกก็ตาม เพราะก่อนหน้านั้นทางค่าย ป.ประมุข ได้เปิดเผยสัญญาว่า หากบัวขาวขึ้นชกในรายการนี้โดยที่ไม่สังกัดค่ายจะถือว่าผิดกฎหมาย และจะทำการฟ้องร้อง

 บัวขาว ได้ร่วมกับ ดี พุฒหอม (ครูมวยคนแรก) และ ทอง บุรากร (เทรนเนอร์คนแรก) เปิดค่ายฝึกสอนมวยไทย ที่จังหวัดสุรินทร์ โดยใช้ชื่อค่าย "บัวขาว" หรือ "บัญชาเมฆ" เป็นชื่อชั่วคราว ก่อนที่จะเซ็นสัญญาร่วมกับค่ายมวย ป.ประมุขอีกครั้งเป็นระยะเวลา 5 ปี

2020-11-05 14:35:14
7593

มวยดังในอดีต

มวยดังในอดีต ตำนานมวยไทย อดีตนักมวยชื่อดัง ตามหานักมวยชื่อดังในอดีต | ดีเด็ดมวยไทย

กีฬารอบโลก

กีฬารอบโลก นานากีฬา ข่าวเด็ดๆ คัดเน้นๆ เพื่อให้แฟน ทีเด็ดมวยไทย ได้ดูเน้นๆ กีฬาดังๆ ฮ็อตฮิตทั่วโลก

ดาวรุ่งภูธร

ดาวรุ่งภูธร มวยดาวรุ่ง มวยหน้าใหม่จากภูธร มวยบ้านนอก ดาวรุ่งดวงใหม่แห่งวงการมวยไทย | ทีเด็ดมวยไทย

ขวัญใจแฟนมวย

ขวัญใจแฟนมวย นักมวยขวัญใจแฟนมวย นักมวยหน้าหยก พระเอกมวยไทย | ทีเด็ดมวยไทย