"หมอปลา" ตอกเหรียญตราครุฑพังศาลเพียงตาตรงทางโค้ง ลั่นวิธีแก้อุบัติเหตุคือสร้างลูกระนาด หรือทำสัญลักษณ์จราจร
วันนี้ ( 15 ต.ค.63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา มือปราบสัมภเวสี ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 8 บ.หนองมะแซว ต.ตรวจ อ.ศรีณรงค์ จ.สุรินทร์ หลังจากครอบครัวผู้ป่วยมีอาการประหลาด แจ้งไปยังหมอปลา ให้มาช่วยรักษาอาการ ของนางสังวาลย์ อายุ 51 ปี ซึ่งมีอาการเซื่องซึม ไม่ค่อยพูดค่อยจากับใคร และไม่ชอบอาบน้ำมากว่า 2 ปีแล้ว โดยมีอาการหลังจากไปนอนอยู่ที่กระท่อมภายในสวนยางพาราของตนเองกับสามีคือ นายวัฒนา อายุ 51 ปี เมื่อ 2 ปีก่อน จากนั้นพ่อแม่ของผู้ป่วย จึงนำตัวมารักษาที่บ้าน ขณะที่สามีนานๆ ครั้งถึงจะกลับมาเยี่ยมภรรยาสักครั้งหนึ่ง ครอบครัวเคยพาไปรักษาที่ รพ.ศรีมหาโพธิ์ จ.อุบลราชธานี มาหลายครั้ง และรักษากับหมอไสยศาสตร์ต่างๆ หลายครั้ง อาการก็เริ่มดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่ยังไม่หายขาด
หลังจากหมอปลาเดินทางมาถึง เพื่อสอบถามข้อมูลและเรื่องราวเบื้องต้น จึงทราบว่าที่สวนยางพารา มีการตั้งศาลไม้มุงสังกะสีอยู่ บริเวณหน้าสวนยางพารา ซึ่งติดกับถนนลาดยางที่เป็นทางโค้ง หมอปลาจึงนั่งรถซาเล้งไปกับชาวบ้านเพื่อไปพิสูจน์ หากศาลดังกล่าวมีสัมภเวสีสิงอยู่ หมอปลาจะมีอาการหาว ทันใดที่หมอปลาเดินทางไปถึงบริเวณศาลดังกล่าว ที่สร้างมากว่า 30 ปีแล้ว จึงมีอาการหาว น้ำมูกน้ำตาไหลขึ้นมาทันที ก่อนที่จะให้ชาวบ้านหาเหรียญที่มีตราครุฑมาให้ และได้ทำพิธีตอกเหรียญตราครุฑลงกับต้นไม้ที่อยู่กับศาล และทำลายศาลนั้นทิ้งทันที โดยบริเวณทางโค้งถนนลาดยางที่ติดกับศาลดังกล่าวนี้ ชาวบ้านบอกว่ามีอุบัติเหตุรถหลุดโค้ง และชนกันหลายครั้งในระยะ 200-300 เมตร ระหว่างโค้งและใกล้กับโค้ง มีผู้เสียชีวิตต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิต 2 ราย หลังขับรถ จยย.ผ่านโค้งไปประมาณ 80 เมตร แล้วเกิดข้ามเลนไปชนประสานงากับรถกระบะเสียชีวิต
จากนั้นหมอปลาได้บอกกับครอบครัวของผู้ป่วยว่า ที่ทำลายศาลเพราะว่า หากตั้งศาลไว้บริเวณนี้ ผีสัมภเวสีที่ตายจากอุบัติเหตุต่างๆ จะมาอาศัยอยู่ ซึ่งเคยบอกแล้วว่าถ้ามาที่ศาลแล้วตนไม่มีอาการอะไร ก็แสดงว่าไม่มีอะไร แต่พอมาถึงตนเองก็มีอาการหาวจึงต้องทำลาย
จากนั้นหมอปลาพาผู้สื่อข่าวและชาวบ้านไปหาฝาหม้อดินเผาที่ครอบครัวของผู้ป่วยบอกว่า ได้เอาฝาหม้อไปทิ้งไว้ที่ไร่นาห่างจากหมู่บ้านหลายกิโลเมตร หลังพ่อของผู้ป่วย คือ นายดุจ อายุ 74 ปี ฝันเมื่อคืนนี้ว่า มีคนแก่มาเข้าฝันบอกว่าให้เอาฝาหม้อไปคืนที่เดิม ซึ่งฝาหม้อดังกล่าวผู้ป่วยได้เก็บมาจากไร่นามาเมื่อ 2 ปีก่อน จึงมีความเชื่อว่า อาจจะเป็นเพราะฝาหม้อลูกสาวจึงป่วย จึงเอาไปทิ้งไว้ที่เดิมเมื่อเช้า หมอปลาจึงต้องไปพิสูจน์ หากฝาหม้อมีสัมภเวสีสิงอยู่ ก็จะมีอาการให้เห็น แต่พอไปหาฝาหม้อเจอ หมอปลาไม่มีอาการใดๆ และบอกว่าฝาไม่มีอะไร และได้เอากลับมาบ้านผู้ป่วยให้ดูและจะเอาไปไว้ที่วัด
จากนั้นในช่วง 1-2 ทุ่มคืนนี้ หมอปลาจะกลับมาทำพิธีไล่สัมภเวสี ตามความเชื่อของชาวบ้าน เพื่อให้ครอบครัวผู้ป่วยและผู้ป่วยสบายใจ ซึ่งระหว่างนี้หมอปลาได้ขอตัวไปตั้งกล้องถ่ายผีโพง หรือ ผีกระสือ ที่เป็นดวงไฟที่ชาวบ้านมักจะเห็นอยู่บ่อยๆ ในพื้นที่ และเชื่อว่าเป็นผีกระสือ หรือผีโพงตามความเชื่อ ก่อนจะกลับมาทำพิธีไล่ผีสัมภเวสีให้ดังกล่าว
นางสาวอวยพร กล่าวว่า สองปีก่อนผู้ป่วยอาศัยอยู่ที่กระท่อมสวนยางพารา และจะมาส่งลูกเรียนหนังสือทุกเช้า อาการแรกๆ เริ่มกินจุ กินทั้งวันจนอ้วน จากนั้นไม่ยอมอาบน้ำ ไม่ซักผ้า แช่ไว้เป็นเดือน ปัจจุบันต้องบังคับให้อาบ แรกๆ ชอบไปนั่งกับคนที่อยู่กันเยอะๆ เพื่อไปฟัง แต่ไม่พูดไม่คุยเหมือนเดิม และเก็บตัวมาตลอด อาการเริ่มผอมลง พาไปรักษาทั้งที่ รพ.ศรีมหาโพธิ์หลายครั้ง และหาหมอไสยศาสตร์หลายครั้ง ก็เริ่มดีขึ้นมาบ้าง จนหมอปลามา ซึ่งไม่ทราบสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร จึงต้องพึ่งไสยศาสตร์และหมอปลาในครั้งนี้ และคาดหวังว่าอาการจะดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างที่หมอปลาเดินทางมาถึงบ้านนางสังวาลย์ ผู้ป่วย ก็พบว่ามีหญิงสาวมาพร้อมกับสามี โดย น.ส.สุภาภรณ์ อายุ 31 ปี มีอาการเซื่องซึม รู้สึกว่าร่างกายตนเองมีอะไรวิ่งเคลื่อนไหวอยู่ในร่างกาย บริเวณท้องอยู่ตลอดเวลาและก็ร่ายรำเป็นบางครั้ง มีอาการป่วยมาร่วมกว่า 10 ปีแล้วเช่นกัน มาหาให้หมอปลาดูอาการ ระหว่างนั้นหมอปลาได้จับบริเวณต้นคอด้านหลังของหญิงสาวดังกล่าว จึงได้กรีดร้องคล้ายเจ็บปวด ซึ่งหมอปลาจะได้ทำพิธีไล่ผีสัมภเวสีให้หญิงสาวรายนี้ด้วยในคืนนี้พร้อมกัน ทั้งนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่เชื่อว่า อาการประหลาดดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับ 2 คน คล้ายๆ กัน เป็นไปได้ว่าอาจถูกผีโพง หรือ ผีกระสือ หรือวิญญาณสัมภเวสี เข้าสิง ตามความเชื่อของชาวบ้าน ก็เป็นได้
ต่อมาเวลาประมาณ 1 ทุ่ม หลังจากหมอปลาได้เดินทางไปสังเกตุการณ์จุดที่ชาวบ้านพบแสงไฟประหลาดลอยไปลอยมาบริเวณทุ่งนารอบหมู่บ้าน ซึ่งก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ ก่อจะกลับมาทำพิธีไล่สัมภเวสีให้ผู้ป่วย รวม 3 ราย ท่ามกลางชาวบ้านที่มามุงดูจำนวนมาก ระหว่างที่หมอปลาทำพิธี ก็พบว่าผู้ป่วย 1 ใน 3 ราย คือ น.ส.สุภาภรณ์ กลับเกิดอาการหวีดร้องเจ็บปวดโหยหวนเพียงคนเดียว หมอปลาจึงต้องเร่งทำพิธีให้ดื่มน้ำมนต์และนำสายสิญจน์ มาคล้องศีรษะให้ผู้ป่วย จนกรีดร้อง ทำตาขวางอย่างน่ากลัวอยู่หลายครั้ง โดยมีอาการเกร็งมือเกร็งขา โดยมีสามีคอยจับรั้งมือและขาไว้ จนเวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงอาการจึงค่อยๆ สงบ โดยหมอปลา ได้บอกกับสามีผู้ป่วยว่า ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลียหมดแรง ประมาณ 3-4 วัน ให้หายาพาราไว้ทานด้วยเกรงจะมีไข้ขึ้นและอาการต่างๆ ที่ผ่านมาก็จะหายเอง
นายอัครพล สามีผู้ป่วยกล่าวว่า ภรรยาดำเนินชีวิตปกติ แต่มีอาการรู้สึกว่าตัวเองมีอะไรวิ่งอยู่ตามท้องตามร่างกาย เวลาพาไปหาหมอไสยศาสตร์หรือพระให้ช่วยรักษา ก็จะกรีดร้องแบบนี้ แต่ครั้งนี้ตนมาโดยบังเอิญ จะมาดูหมอปลาทำพิธี เลยให้หมอปลาดูให้ ตนไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้ แต่ก็ต้องเชื่อเพราะเห็นกับตาและประสบกับตัวเอง ต้องขอบคุณหมอปลามากที่มาช่วยรักษา
นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา กล่าวว่า เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เกิดจากความเชื่อของคนภาคอีสาน ที่ปู่ย่าตายายรับพวกผีมาบูชา ซึ่งเมื่อถึงเวลาผีจะต้องไปเกิด แล้วเราเอามาบูชา มันไม่สมควร คนเราต้องมีเวียนว่ายตายเกิด แต่เมื่อบูชานานๆ แล้ว สิ่งที่ไม่ดี เหมือนว่าพลังงานเยอะเกินก็เข้ามาแฝงลูกแฝงหลาน ที่ทำให้น้องเขาหายช้า เนื่องจากว่าเป็นมาหลายปี แต่ที่หนักคือช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ถือว่ามันรุนแรง ทำให้ทำงานไม่ได้ ทำให้การใช้เวลาช่วยเหลือน้องค่อนข้างจะช้า กดไล่ตามเส้น
ส่วนคาถาที่สวด ก็เป็นคาถาคนอีสานธรรมดานี่แหละ แต่ถ้าใครสวดได้ไหม ถ้าคนมีศีลก็จะสวดได้ แต่ว่าจะออกไม่ออกนั้นขึ้นอยู่กับร่างกายและสิ่งที่อยู่ในตัวมันรุนแรงขนาดไหน มาดูเคสคุณยายสังวาลย์คิดว่าหนัก มาเจออีกเคสสาวยิ่งหนักกว่า จะมาอีสานทั้งทีก็เอาให้มันคุ้มในการช่วยเหลือคน การสร้างโรงสร้างศาลไม่ใช่การแก้ปัญหา การแก้ปัญหาของการลดอุบัติเหตุ คือการทำลูกระนาด หรือทำสัญลักษณ์จราจรไว้ในการลดอุบัติเหตุ เราต้องคิดวิเคราะห์ใหม่ ว่าส่งผลดีหรือไม่ วิญญาณต้องไปเกิด มีเวียนว่ายตายเกิด วิญญาณที่เวียนว่ายตายเกิดไม่ได้ คือวิญญาณที่สร้างกรรมไว้เยอะ เราต้องสวดส่งให้เขาได้ไปผุดไปเกิด ไม่ใช่สร้างศาลให้เขาอยู่