นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นำพยานหลักฐานเข้าร้องเรียนต่อผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. เพื่อดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้อง กับกรณีที่ทำให้ค่าไฟฟ้ามีราคาแพงในรอบบิลที่ผ่านมา
โดยทางสมาคมฯ พบต้นเหตุหนึ่งคือ การจัดซื้อจัดหาพัสดุครุภัณฑ์มาในราคาสูงอย่างผิดปกติ ซึ่งถูกนำไปรวมเป็นค่าต้นทุนการผลิตและบริการของการไฟฟ้า และถูกนำไปรวมเป็นค่า FT รวมถึงการให้เอกชนผลิตไฟฟ้า มากกว่าร้อยละ 60 ในประเทศ ทำให้ควบคุมราคาได้ยาก ตามสัญญาที่เซ็นไว้ระหว่างเอกชนกับภาครัฐ และมีกำลังไฟฟ้าสำรองจำนวนมาก ซึ่งประชาชนต้องแบกรับและนำมาคิดในการคำนวณค่าไฟฟ้าในการดูแลส่วนนี้ด้วย อีกทั้งค่าใช้การจ่ายสำหรับการทำงานล่วงเวลา หรือ โอที ที่ผิดปกติิ เพราะพนักงานการไฟฟ้ามักออกรอบงานให้เหลื่อมเวลาเพื่อให้ได้โอทีด้วย
นายศรีสุวรรณ ยืนยันว่า มีหลักฐานชัดเจน ที่จะให้ สตง.ตรวจสอบแล้วเอาผิดผู้ที่อนุมัติสั่งซื้อและเซ็นรับวัสดุ พร้อมแสดงภาพถ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือของเครื่องตรวจวัดกระแสไฟฟ้า และเก้าอี้รถเข็น ที่ทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ ผู้เกี่ยวข้องซื้อมาในราคาชิ้นละมากกว่า 1 แสนบาท ทั้งที่ตามท้องตลาดทั่วไปราคาไม่กี่พันบาทเท่านั้น
นายศรีสุวรรณ ยังเรียกร้องให้ ทบทวนระบบเก็บค่า SD แบบขั้นบันไดเพราะระยะห่างแคบมาก ห่างกันเพียงไม่กี่หน่วยการใช้ไฟฟ้า อาจจะใช้ระบบข้าว FC เสนอให้ขยายจำนวนหน่วยการใช้ไฟ อย่างจาก 0-400 หน่วย ขยักต่อมาควรเป็น 400-800 หน่วยในการคำนวน
นายศรีสุวรรณ มองว่า มาตรการลดค่าไฟของรัฐบาล ที่ผ่าน ครม.เมื่อวานนี้ที่ 21 เมษายน เป็นเพียงการ "แก้ผ้าเอาหน้ารอด" หลังจากถูกประชาชนทั่วประเทศโจมตีตลอดช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาพร้อมเสนอว่าช่วงวิกฤตโควิด-19 ควรให้ประชาชนใช้ไฟฟรี 4-6 เดือน ซึ่งสามารถนำไฟฟ้าสำรองของไทยที่มีเกินกว่าครึ่งหนึ่งที่ใช้จริงมาใช้ได้อยู่แล้ว โดยอาจกำหนดเกณฑ์ครัวเรือนละไม่เกิน 800 หน่วยก็สมเหตุสมผล