(2 พ.ค.63) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า ได้มีชาวบ้าน ต.ห้วยสะแก อ.เมืองเพชรบูรณ์ เข้ามาร้องขอความเป็นธรรมจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูณณ์ว่า ถูกนายทุนเงินกู้นอกระบบ คิดดอกเบี้ยมหาโหดแถมยอดเงินกู้จาก 40,000 บาท กลายเป็น 350,000 บาท จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบ นายบุญชู อายุ 59 ปี ชาว อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ โดยได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อปี 2560 ตนได้ไปกู้เงินจากนายทุนรายหนึ่งในหมู่บ้าน 2 ครั้ง โดยในครั้งแรกเดือนเมษายน 2560 กู้ 20,000 บาท
จากนั้นในเดือนกรกฎาคม 2560 ไปกู้อีก 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 40,000 บาท โดยไม่ได้เขียนสัญญากู้ แต่เจ้าของเงินให้ลงชื่อในกระดาษเปล่า ซึ่งตนก็ไม่ติดใจอะไร เนื่องจากเคยใช้บริการมาแล้วหลายครั้ง เมื่อเอาเงินไปคืนก็เสียดอกเบี้ยครั้งละ 3,000-4,000 บาท แต่สำหรับครั้งนี้การเกษตรไม่ได้ผลทำให้ในปี 2561 ไม่สามารถชำระทั้งต้นและดอก แต่ในปี 2562 ตนได้นำเงินไปตัดดอก นายทุนดังกล่าวแจ้งว่า ดอกเบี้ยทั้งหมด 28,000 บาท ตนจึงต่อรองเหลือ 20,000 บาท
ต่อมาในปี 2563 ช่วงปลายเดือนเมษายน ตนได้ไปกู้เงินจากธนาคาร ธ.ก.ส.เพื่อจะนำไปปิดหนี้นอกระบบกับนายทุนดังกล่าว เป็นเงินทั้งสิ้น 105,000 บาท แต่นายทุนบอกว่าไม่ใช่ หนี้ทั้งหมดในสัญญากู้ต้องเป็น 350,000 บาท ทั้งๆ ที่ตนไม่เคยทำสัญญากู้เลย และหากไม่ชำระให้ ขู่ว่าจะไปฟ้องศาล ตนจึงตกใจและกลัวจึงได้มาร้องขอความเป็นธรรมกับศูนย์ดำรงธรรม
ด้านเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนแล้ว ก็จะส่งเรื่องให้ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ เพื่อเรียกตัวเจ้าหนี้เงินกู้รายดังกล่าว มาสอบถาม และไกล่เกลี่ยหนี้ต่อไป