อดีตเคยขึ้นถึงมือวางอันดับ 10 ของโลก แต่ปัจจุบันหลังจากหลายรายการต้องหยุดพักหนี "โควิด" ไม่มีศึกให้ตีเก็บคะแนนเพิ่มอันดับจึงยังหยุดอยู่ที่ 22 หลังจากคอร์ดแบดฯ เปิดแข่งในเดือนสิงหาคม "แน็ต-ณิชชาอร" จำเป็นต้องเร่งฟอร์มเพื่อติดอันดับ 1-16 เพื่อเป้าหมายร่วมแข่งขันโอลิมปิกที่โตเกียว
ความโดดเด่นของนักตบลูกขนไก่สาวรายนี้ นอกเหนือจากการตีเหนียวแล้วยังมีหน้าตาถือว่าเป็นอันดับท็อปของวงการแบดมินตัน แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ชีวิตต้องดิ้นรนต่อสู้อย่างหนักมาโดยตลอด
"แน็ต-ณิชชาอร จินดาพล" เกิดวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2534 เป็นชาวเมืองถลาง จ.ภูเก็ต
"เดิมเป็นเด็กสุขภาพไม่ดี เข้าโรงพยาบาลบ่อย หมอแนะนำให้ออกกำลังกาย จึงตามพ่อไปเล่นแบดมินตันที่สนามสะพานหิน ตอนนั้นอายุราว 8 ขวบ เล่นได้สักพักก็เริ่มมีแข่ง ผลก็ออกมาแพ้บ้าง ชนะบ้าง แต่เมื่อชนะทำให้มีกำลังใจ"
ขนไก่สาวกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการเล่นแบดมินตัน ทั้งที่เป้าหมายของชีวิตคือการเป็น "เชฟ" แม่ครัวทำอาหาร
"เล่นแบดมินตันจนหลงรักกีฬาประเภทนี้ ตระเวณแข่งในภาคใต้จนอายุ 15 เริ่มเป้าหมายว่าอยากติดทีมชาติ จึงเดินไปบอกพ่อ ทางครอบครัวก็สนับสนุน แม่ยอมออกจากราชการเพื่อดูแล ย้ายเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ โดยเข้าเรียน ม.4 ที่สตรีวิทย์ 2 และฝึกซ้อมที่ บีจี สปอร์ตคลับ"
การเริ่มต้นฝึกซ้อมอย่างจริงจังในกรุงเทพฯ "แน็ต-ณิชชาอร" ยอมรับว่าหนักโปรแกรมที่ต้องวิ่งกลางแดดวัดใจนักกีฬาเรียกว่า "วิ่งชมจันทร์" แต่นั่นทำให้เธอแข็งแกร่ง
หลังใช้ชีวิตเป็นสาวเมืองกรุง โดยมีแม่คอยขับรถรับส่งที่สนามและโรงเรียน รวมถึงเข้าตระเวณแข่งขันในระดับเยาวชน
ฟอร์มเข้าตา "โค้ชดม" อุดม เหลืองเพชราภรณ์ ขณะแข่งขันที่สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง จึงชักชวนให้ไปซ้อมร่วมกับสมาคมฯ กระทั่งมีโอกาสติดทีมชาติครั้งแรก เมื่ออายุ 18 ปีเศษ เมื่อ พ.ศ.2553 ในการแข่งขัน "SCG แบดมินตัน โธมัส-อูเบอร์คัพ 2010" ที่จ.นครราชสีมา
แม้ไม่ประสบความสำเร็จในรายการนี้แต่ทำให้ซึมซับบรรยากาศและการแข่งขัน กระทั่งปี พ.ศ.2555 คว้าแชมป์ครั้งแรก ในรายการเวียดนามอินเตอร์เนชั่นแนล ชาเลนจ์ 2012
"ตอนนั้นซ้อมอยู่คนเดียวที่สมาคมฯ นาน 4 เดือน เพราะเป็นน้องเล็กสุด ส่วนรุ่นพี่ออกไปตระเวณแข่ง ซ้อมจนเบื่อและอยากจะไปแข่งจึงต้องไปร้องขอกับโค้ช จนมีโอกาสไปแข่งระดับชาเลนจ์ที่ประเทศเวียดนาม ด้วยความที่ซ้อมเยอะ ร่างกายสมบูรณ์ ตีด้วยความมั่นใจ จึงได้ชิงชนะเลิศกับญี่ปุ่น สู้กันหนักมากจนถึงเซตตัดสิน แต่ระหว่างเล่นได้เหลือบมองไปเห็นถ้วย เลยมีความฮึดว่าจะต้องเอาให้ได้และทำได้สำเร็จ"
หลังปราบ "อายูมิ มิเนะ" คว้าแชมป์แรกในชีวิต ปีเดียวกันนั้น "แน็ต-ณิชาอร" ยังฮอตต่อเนื่อง ทะลุชิงอีกรายการคือ "SCG ออลไทยแลนด์แชมเปียนชิพ 2555" แต่พ่าย "น้องเมย์-รัชนก อินทนนท์"
ปี พ.ศ.2556 ชื่อของ "ณิชชาอร" เป็นที่รู้จักในทำเนียบโลก เมื่อไปคว้าแชมป์หญิงเดี่ยว "โยเน็กซ์แคนาดาโอเพน 2013" เมื่อปราบมือดี จาง เป่ยเหวิน จากสหรัฐอเมริกา ในรอบแรก และนัดสำคัญในรอบตัดเชือกชนะ แคโรลินา มารีน จากสเปนอย่างสุดมันส์ 2-1 และในรอบชิงชนะเลิศชนะ "ยิป ปุยยิน" จากฮ่องกงสบายมือ 2-0 เกม
นับแต่นั้นมา "แน็ต-ณิชชาอร" ก็วนเวียนในสังเวียนแข่งขัน มืออันดับก็ขึ้นลงตามฟอร์มและสภาพร่างกายโดยสูงสุดถึงอันดับ 10 สำหรับ ผลงานในการรับใช้ชาติ คือ เหรียญทองแดง ทีมหญิง สุธีรมานคัพ ที่กัวลาลัมเปอร์ 2013 เหรียญทองแดง ทีมหญิง อูเบอร์คัพ ที่อู่ฮั่น 2012 เหรียญเงิน ทีมหญิง เอเชียนเกมส์ ที่กว่างโจว 2010 และเหรียญทองแดง ที่จาการ์ตา-ปาเล็มบัง 2018
สำหรับ ซีเกมส์ คว้าเหรียญทอง ทีมหญิงมา 4 สมัย จากอินโดนีเซีย 2011, สิงค์โปร์ 2015, กัวลาลัมเปอร์ 2017และ ฟิลิปปินส์ 2019 ส่วนประเภทเดี่ยว ได้เหรียญทองแดง 2 สมัยในการแข่งขันที่เนปยีดอ 2013 และฟิลิปปินส์ 2019
ถึงตอนนี้ "แน็ต-ณิชชาอร" ยอมรับว่าเป็นการแข่งขันแบดมินตันในช่วงปลาย และในอนาคตอาจทดลองเล่นในประเภทคู่ดูบ้าง
จากวันแรกถึงปัจจุบันเธอภูมิใจที่เลือกเดินสายนี้ แม้ไม่เคยมีช่วงเวลาแบบวัยรุ่น วันเวลาเกือบทั้งหมดอยู่ที่ในสนามซ้อมและแข่งขัน อีกทั้งไม้แบดมินตันและลูกขนไก่เปรียบเหมือนอวัยวะที่ 33
เพราะแบดมินตัน คือ "ชีวิต"