ด้วยผลงานอันยิ่งใหญ่และเกรียงไกรในอดีต ที่นอกจากจะเคยคว้าแชมป์โลกมาครอง 3 หน แถมยังเคยนั่งบัลลังก์มือ 1 ของโลกติดต่อกันนานหลายปี จึงทำให้ เซลบี้ ถูกมองว่าเป็นต่อหลายขุม และน่าจะเอาชนะ มาร์ติน กูลด์ ได้ไม่ยาก
และการแข่งขันในช่วงแรก ทำท่าว่าจะเป็นแบบนั้น เมื่อนักสอยคิวจากเมืองเลสเตอร์ เปิดฉากไล่กะซวกอยู่ข้างเดียว จนนำห่างถึง 4-0 ในช่วง 4 เฟรมแรก แถมเกือบนำ 5-0 เฟรมด้วย หากเฟรมที่ 5 แดงลูกสุดท้ายไม่วิ่งไปซบชิ่งเสียก่อน
จังหวะดังกล่าว มาร์ค เซลบี้ ตบแดงลูกที่ 14 หลุมบนซ้าย แล้วบังคับขาวไปสะกิดแดงลูกสุดท้าย ที่ติดชิ่งด้านซ้าย ให้ไปจ่อหลุมกลางฝั่งเดียวกัน ทว่าแดงเจ้ากำลูกดังกล่าว ซึ่งเป็นลูกแต้มขาด กลับวิ่งเลยหลุมกลางไปแอบชิ่งซ้ายด้านล่าง จึงทำให้เขา ปิดเฟรมที่ 5 ไม่ได้ แถมยังโดน มาร์ติน กูลด์ ชิงได้ แล้วกลับมาปล้นเอาชนะในเฟรมนั้นอีกด้วย พร้อมกับไล่มาเป็น 1-4 เฟรม
นั่นคือจุดเปลี่ยน ที่ทำให้พี่แว่นแห่งวงการสอยคิว ฟื้นคืนชีพแล้วกลับมาแทงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนตีเสมอเป็น 4-4 เฟรมอย่างเหลือเชื่อ
นับจากนั้น ต่างฝ่ายต่างสู้กันได้อย่างสนุก จนแฟนสนุกเกอร์ที่ชมทางหน้าจอทีวี ต้องลุ้นระทึกกันแบบวินาทีต่อวินาที ต่างฝ่ายต่างผลัดกันนำและผลัดกันตาม จนเกมมาเสมอกันที่ 8-8 เฟรม ต้องตัดสินแชมป์กันในเฟรมที่ 17
ก่อนที่ มาร์ค เซลบี้ จะได้โอกาสเข้าเบรกยาว 72 แต้มในเฟรมสุดท้าย และเอาชนะไปได้ในที่สุด 9-8 เฟรม ผงาดคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนมาสเตอร์สไปครองเป็นครั้งแรก คว้าเงินรางวัล 80,000 ปอนด์ หรือประมาณ 3,200,000 บาท ได้รับคะแนนสะสมอีก 67,000 คะแนน ยังคงรั้งอันดับ 4 ของโลกเหมือนเดิม
น่าคิดเหมือนกันว่า หากเฟรมที่ 5 มาร์ค เซลบี้ เอาชนะ แล้วขึ้นนำ 5-0 เฟรม อาจจะคว้าแชมป์ไม่เหนื่อยจนเกือบแพ้ขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม จากการคว้าแชมป์ดังกล่าว ได้ทำให้นักสอยคิววัย 37 ปี มีโอกาสเหนือกว่าคนอื่น ที่จะคว้าเงินโบนัส 150,000 ปอนด์ หรือประมาณ 6 ล้านบาท จากเบทวิคเตอร์(BetVictor) ผู้สนับสนุนหลัก 4 รายการประเภทยูโรเปี้ยนซีรี่ส์ อันประกอบด้วย ยูโรเปี้ยนมาสเตอร์ส 2020(2), เยอรมันมาสเตอร์ส 2021(ยังไม่แข่ง), ชูตเอาท์ 2021(ยังไม่แข่ง) และ ยิบรอลตาร์โอเพ่น 2021(ยังไม่แข่ง) หลังจากคะแนนสะสมเฉพาะ 4 รายการนี้ของเขา นำโด่งอยู่ในขณะนี้
นอกจากนี้ ยังทำให้นักสอยคิวจากเมืองเลสเตอร์ คว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์ระดับเวิลด์แรงค์กิ้งเป็นรายการที่ 18 เทียบเท่ากับ นีล โรเบิร์ตสัน มือ 2 ของโลกจากออสเตรเลีย กลายเป็นนักสอยคิวที่คว้าแชมป์รายการระดับเวิลด์แรงค์กิ้งมากที่สุดในโลกเป็นอันดับ 6 ของโลก โดยเป็นรองเพียง 5 คนเท่านั้น ได้แก่ รอนนี่ โอซัลลิแวน(37 รายการ), สตีเฟ่น เฮนดรี้(36 รายการ), จอห์น ฮิกกินส์ (30 รายการ), สตีฟ เดวิส(28 รายการ) และ มาร์ค เจ วิลเลียมส์(22 รายการ)
และนับเป็นอีกครั้งที่ มาร์ค เซลบี้ ประสบความสำเร็จกับคว้าแชมป์สนุกเกอร์ ในค่ำคืนเดียวกับที่ เลสเตอร์ ซิตี้ สโมสรฟุตบอลประจำบ้านเกิดเมืองนอนของเขา ที่เขาเป็นแฟนตัวยงมาตั้งแต่เด็ก ทำผลงานได้อย่างเซอร์ไพรส์ กับการบุกถล่มทีมเต็งแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปอย่างราบคาบ 5-2
หากยังจำกันได้ เมื่อปี 2014 มาร์ค เซลบี้ คว้าแชมป์โลกสมัยแรก พร้อมๆกับ เลสเตอร์ คว้าแชมป์ลีกแชมเปี้ยนชิพฤดูกาล 2013-2014 และอีก 2 ปีต่อมา ในปี 2016 เซลบี้ คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ในคืนวันที่ 2 พฤษภาคม 2016 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ทีมจิ้งจองสยาม คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2015-2016 โดยระยะเวลาที่ เซลบี้ คว้าแชมป์โลก ห่างจากช่วงเวลาที่ เลสเตอร์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างเป็นทางการเพียง 10 นาทีเศษเท่านั้น
ด้าน มาร์ติน กูลด์ ชวดการคว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์ระดับเวิลด์แรงค์กิ้งเป็นรายการที่ 2 อย่างน่าเสียดาย หลังจากแพ้ เซลบี้ ไปอย่างฉิวเฉียด
อย่างไรก็ตาม ในศึกยูโรเปี้ยนมาสเตอร์ส 2020(2) ที่เพิ่งจบไป กล่าวได้ว่า อดีตแชมป์เยอรมันมาสเตอร์ส 2016 ทำผลงานได้ดีเกินคาด จนหักปากกาเซียนทุกสำนัก โดยกูรูส่วนใหญ่ต่างฟันธงว่า เขาไม่น่าจะผ่านรอบแรก เพราะต้องประเดิมดวลกับแชมป์โลก 4 สมัยอย่าง จอห์น ฮิกกินส์ มือ 7 ของโลกจากสกอตแลนด์
ทว่านักสอยคิววัย 39 ปี ก็โค่นตำนานสอยคิวจากแดนวิสกี้มาได้ 5-4 เฟรม แถมในรอบตัดเชือก ยังพลิกล็อคเขี่ยมือ 1 ของโลกอย่าง จัดด์ ทรัมป์ มาแบบช็อคโลกอีกด้วย
แม้จะไม่ได้แชมป์ ทว่าการคว้ารองแชมป์ยูโรเปี้ยนมาสเตอร์สครั้งล่าสุด ได้ทำให้ มาร์ติน กูลด์ พาอันดับโลกของตัวเอง กระโดดขึ้นมาถึง 17 อันดับ จากอันดับ 53 ของโลก ขึ้นมารั้งอันดับ 36 ของโลก หลังจากได้รับคะแนนสะสม 35,000 คะแนน แถมยังได้รับเงินรางวัล 35,000 ปอนด์ หรือประมาณ 1,400,000 บาทอีกด้วย