หลายฝ่ายประเมินว่า ตัวเลขผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพราะโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐฯ น่าจะพุ่งสูงในช่วง 1 เดือนข้างหน้า ขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เร่งให้รัฐต่างๆ เริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดเพื่อให้ภาคธุรกิจเปิดทำการและประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อีกครั้ง
หนังสือพิมพ์ เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ รายงานโดยอ้างอิงเอกสารภายในของรัฐบาลสหรัฐฯ ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 อาจจะพุ่งขึ้นเป็นวันละ 3,000 คนในช่วง 4 สัปดาห์จากนี้ เทียบกับค่าเฉลี่ยวันละ 1,750 คนในปัจจุบัน
รายงานระบุว่า การประเมินครั้งนี้ใช้ข้อมูลวิเคราะห์จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ CDC ที่คาดการณ์ว่า น่าจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มวันละ 200,000 ราย นับจากนี้จนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งหมายถึงการพุ่งขึ้นราว 8 เท่าจากระดับ 25,000 รายต่อวัน ในช่วงนี้
โฆษกทำเนียบขาว ออกมาแสดงความเห็นคัดค้านตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดนี้ โดยระบุว่า การประเมินนี้ไม่ได้ออกมาเป็นทางการจากทำเนียบขาว และทีมงานเฉพาะกิจโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ยังไม่ได้ตรวจสอบ ทั้งยังระบุว่า ข้อมูลที่ใช้ในการคาดการณ์ดังกล่าวไม่สอดคล้องกับข้อมูลของทีมงานเฉพาะกิจด้วย
โฆษกทำเนียบขาว ยืนยันด้วยว่า สุขภาพของชาวอเมริกันคือสิ่งที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ให้ความสำคัญที่สุด และรัฐบาลจะคอยเฝ้าสังเกตการณ์สถานการณ์ในรัฐที่ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ต่อไป
เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี ทรัมป์ กล่าวระหว่างร่วมรายการสัมภาษณ์พิเศษกับสถานีข่าว Fox News ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐฯ น่าจะพุ่งขึ้นเป็น 75,000 ถึง 100,000 ราย ขณะที่ตัวเลขล่าสุด ณ บ่ายวันจันทร์ จากมหาวิทยาลัย จอห์น ฮอบกินส์ ชี้ว่า มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐฯแล้วกว่า 68,000 ราย จากจำนวนผู้ติดเชื้อกว่า 1.17 ล้านราย
หลังแนวทางปฏิบัติให้ประชาชนอยู่แต่ในเคหะสถาน หรือ Stay-at-Home สิ้นสุดลงเมื่อสิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผู้ว่าการรัฐต่างๆ เริ่มทยอยผ่อนคลายกฎเกณฑ์เพื่อให้สถานการณ์กลับคืนสู่ปกติทันที ส่งผลให้ยิม ร้านทำผม ร้านทำเล็บ ภัตตาคารและร้านอาหาร รวมทั้งร้านค้าหลายแห่งเริ่มเปิดทำการได้แล้ว แม้ว่าธุรกิจจำนวนมากยังคงปิดทำการต่อไป
ทั้งนี้ ผู้ว่าการในกว่า 30 รัฐจากทั้งหมด 50 รัฐทั่วสหรัฐฯ จะอนุญาตให้ภาคธุรกิจบางส่วนเริ่มเปิดทำการอีกครั้งภายในวันอังคารนี้แล้ว
นอกจากนั้น วุฒิสภาสหรัฐฯ เริ่มกลับมาปฏิบัติงานตามปกติในวันจันทร์นี้ ที่กรุงวอชิงตันเช่นกัน ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรยังไม่มีกำหนดเรียกประชุมเต็มคณะ