วันที่ 4 พ.ค.63 เวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.นพดล ทวีชาติ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา รับแจ้งเหตุ หนุ่มวัย 44 ปี คลุ้มคลั่งทุบทำลายข้าวของ ก่อนใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมาด้วยกัน 2 กระบอก ซึ่งเป็นปืนยาวแบบลูกกดติดกล้องเล็ง ขนาด .22 หนึ่งกระบอก และปืนลูกซองสั้นแบบไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก ไล่ยิงคนที่อยู่บริเวณหน้าบ้าน ใน ต.บางปะกง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นญาติและบุตรหลานของฝ่ายภรรยาตนเอง จนทำให้มีผู้ถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บ 1 ราย คือ นางประโลม บุญทวี อายุ 52 ปี พี่สาวภรรยา ที่ถูกยิงเข้าที่บริเวณไหล่ซ้าย 1 นัด แผ่นหลังใต้ไหล่ซ้าย 1 นัด กระสุนฝังจมอยู่ในปอด
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 22.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาเคอร์ฟิว ของคืนวันที่ 3 พ.ค.63 ที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุ คือ นายธนะโชติ บำรุงญาติ อายุ 44 ปี ที่มีอาการคลุ้มคลั่งไม่ยอมหยุด หลังจากก่อเหตุไล่ยิงคนที่อยู่บริเวณหน้าบ้านของภรรยาแล้ว ยังคงวนเวียนเข้ามายังภายในหมู่บ้านอีกหลายครั้ง ตามหาตัวทางฝ่ายภรรยาที่พยายามหลบหนีหน้า อยู่หลายครั้งก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสายงานป้องกันและปราบปราม สภ.บางปะกง และฝ่ายสืบสวน จะพยายามเข้าทำการปิดล้อม เพื่อเข้าจับกุมตัว แต่ผู้ก่อเหตุได้ไหวตัวขับรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ หลบหนีการจับกุมไป ก่อนที่จะมีทางฝ่ายของทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามขับรถยนต์ไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด
ผู้ก่อเหตุหลบหนีจากบริเวณภายในหมู่บ้านที่เกิดเหตุ ออกไปยังถนนสาย 3 สุขุมวิท (สายเก่า) และเลี้ยวเข้าถนนสาย บางนา-ตราด (เทพรัตน) มุ่งหน้าไปยังในเขตพื้นที่ จ.ชลบุรี และได้ไปขึ้นยูเทิร์นเกือกม้ากลับรถ ที่บริเวณจุดกลับรถก่อนถึงบริเวณด้านหน้านิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร พื้นที่ ม.2 ต.คลองตำหรุ อ.เมือง จ.ชลบุรี และเมื่อลงมาจากเกือกม้ากลับรถ เข้ามายังถนนคู่ขนานขาเข้า กทม.แล้ว ได้มาพบเข้ากับด่านตรวจคัดกรองโรคระบาดโควิด 19 ของ สภ.เมืองชลบุรี จึงทำให้ นายธนะโชค พยายามที่จะเหยียบเบรกหยุดรถ ในขณะที่กำลังใช้ความเร็วสูงระหว่างการขับหลบหนีการไล่ติดตามของทางเจ้าหน้าที่ จึงทำให้เกิดการเสียหลักตัวรถหมุนพลิกคว่ำพังยับเยิน และถูกทางเจ้าหน้าที่ เข้าไปทำการควบคุมตัวมาดำเนินคดียังที่ สภ.บางปะกง ได้ในที่สุด
จากการสอบถาม นายวัฒน์ บำรุงญาติ อายุ 23 ปี บุตรชาย ของผู้ก่อเหตุทราบว่า ผู้เป็นบิดา และมารดา ได้แยกทางกันอยู่มานานถึงกว่า 10 ปีแล้ว เนื่องจากผู้เป็นพ่อ เป็นคนที่มีอารมณ์ร้อน ขณะชอบดื่มสุรา และมักโวยวายทะเลาะวิวาทอยู่เป็นประจำ ทางฝ่ายมารดาจึงไม่ยอมคืนดีด้วย หลังจากพ่อได้พยายามเข้ามาง้อขอคืนดีด้วยอยู่เป็นประจำทุกวัน โดยพ่อของตนนั้น ได้ไปประกอบอาชีพเลี้ยงปลา อยู่ในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลใกล้เคียง พื้นที่ไม่ไกลกันนี้ และไม่ได้มีภรรยาใหม่ ส่วนมารดาของตนก็ไม่ได้มีใครมาติดพันด้วยแต่อย่างใด โดยตนมีพี่น้องรวมกัน 2 คน ตนเองเป็นพี่คนโต ส่วนน้องชายคนเล็กอายุ 19 ปี แต่พ่อก็ยังไม่วายเข้ามาหึงหวงแม่ทั้งที่ไม่มีใครเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย
วันเกิดเหตุเมื่อวานพ่อเข้ามาดักรอแม่ที่บริเวณหัวมุมใกล้บ้าน ตั้งแต่เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. แต่หาไม่พบตัว จึงได้ขับรถวนเวียนตระเวนหาไปจนทั่วทั้งหมู่บ้านแล้ว แต่ก็ยังหาไม่พบ จนเกิดความโมโห จากอาการมึนเมาสุราด้วย จึงได้ก่อเหตุทุบทำลายประตูหน้าบ้านที่เป็นกระจกจนแตก และเข้าไปทุบรถยนต์กระบะคันของแม่ จนพังเสียหายก่อนที่จะขับถอยด้วยความเร็วสูงโดยไม่ปิดประตูรถ เข้าไปพุ่งชนกับรั้วของโรงเก็บขยะ ที่หลังร้านค้าจนตัวรถพังยับเยิน จากนั้นจึงได้เดินมาทุบตู้กดน้ำดื่มที่หน้าบ้าน และทุบตู้เต็มเงินที่บริเวณหน้าร้านค้า ซึ่งเป็นร้านของป้า (พี่สาวแม่) ก่อนที่จะขับรถหลบหนีไปและกลับเข้ามาจอดรถแอบซุ่มรอแม่ตนอีกครั้ง แต่ก็ยังหาไม่พบ จึงได้ก่อเหตุเข้ามากราดยิงคนที่อยู่หน้าบ้านซึ่งเป็นร้านค้า และกระสุนไปถูกตัวบ้าน และถูกป้าของตนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว นายวัฒน์ เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ผู้สื่อข่าวฟัง
ร.ต.อ.นพดล กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหาอะไรต่อผู้ก่อเหตุ เนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นสามารถตกลงยอมความกันได้ ในหลายข้อหา เพราะเป็นสามีภรรยากัน ส่วนคดีอื่นๆ กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิจารณาว่า เข้าข่ายข้อใดบ้างต่อไป เบื้องต้นสามารถเก็บปลอกกระสุนปืนขนาด .22 ได้จากในที่เกิดเหตุ ที่บริเวณหน้าบ้าน 3 ปลอก และเก็บเพิ่มเติมได้จากบริเวณหลังบ้านอีก 1 ปลอก เป็นกระสุนชนิดเดียวกัน ร.ต.อ.นพดล กล่าว
ขณะที่ นางจุฑามาศ ทองบุญชื่น อายุ 63 ปี มารดาของผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า บุตรชายมีปัญหาทะเลาะกับภรรยาเรื่อยมานานแล้ว ภรรยามีคนใหม่หรือไม่นั้นตนเองไม่ทราบ เพราะไม่อยากที่จะไปใส่ร้ายใคร แต่ที่ผ่านมาเขาก็ยังคงอยู่ด้วยกันโดยการไปมาหาสู่อยู่ทุกวัน เมื่อคืนทราบว่าบุตรชายได้พยายามที่จะเข้าไปง้อทางฝ่ายภรรยาอีก แต่กลับถูกทางฝ่ายญาติของภรรยาเขาต่อว่า จึงได้บันดาลโทสะก่อเหตุขึ้น ขณะที่ทางด้านพนักงานสอบสวนนั้นยังไม่ได้บอกอะไรให้ตนเองทราบ ว่าจะแจ้งข้อหาอะไรบ้าง แต่รู้มาว่าน่าจะถูกตั้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการฝ่าฝืนเคอร์ฟิว และอาวุธปืนที่มีติดตัวมาอยู่ด้วย เพราะเขายังไม่ได้เรียกสอบใคร และไม่ได้ไปดูยังในที่เกิดเหตุ เนื่องจากในเวลาเกิดเหตุช่วงกลางคืนนั้น ยังคงอยู่ในช่วงของการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน (เคอร์ฟิว) จึงยังสอบปากคำใครไม่ได้ นางจุฑามาศ กล่าว
ขณะนี้กำลังเตรียมหาโฉนดที่ดิน เพื่อนำมาเป็นหลักทรัพย์ในการขอยื่นค้ำประกันตัวบุตรชาย หลังจากได้พยายามสอบถามถึงการใช้หลักทรัพย์เพื่อนำมาใช้ในการยื่นค้ำประกันตัวผู้ต้องหาเพื่อให้สามารถปล่อยตัวชั่วคราวได้นั้น ทางตำรวจได้บอกมาเบื้องต้นว่า น่าจะใช้หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าประมาณ 5 แสนบาท จึงจะสามารถนำมาใช้ในการประกันปล่อยตัวได้ นางจุฑามาศ ระบุ