จากกรณีเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง ได้โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความว่า “ผอ.โรงเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หล่มสัก ทำอนาจารเด็กนักเรียนด้วยการล้วงมือเข้าไปในเสื้อของเด็ก เพื่อจับหน้าอกเด็กนักเรียน เหตุการแบบนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว”

จากกรณีเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง ได้โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความว่า “ผอ.โรงเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หล่มสัก ทำอนาจารเด็กนักเรียนด้วยการล้วงมือเข้าไปในเสื้อของเด็ก เพื่อจับหน้าอกเด็กนักเรียน เหตุการแบบนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว” 

พร้อมโพสต์คลิปวีดีโอ ความยาวประมาณ 4 นาที เป็นภาพชายสูงวัยซึ่งในคลิประบุว่าเป็น ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ยืนโอบกอดอยู่ด้านหลังของเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่กำลังนั่งเล่นโน๊คบุ๊คอยู่ โดยชายคนดังกล่าวได้ใช้มือขวาล้วงเข้าไปคล้ายจะบีบขย้ำหน้าอกของเด็กนักเรียนหญิงคนดังกล่าว ส่วนมือซ้ายก็คล้ายกับพยายามล้วงเข้าไปจับอวัยวะในกระโปรงของเด็กนักเรียนหญิง โดยเด็กนักเรียนหญิงคนดังกล่าว ได้แสดงอาการพยายามปัดป้อง

 

ล่าสุด พ.ต.อ.นิคม พรมพิราม ผกก.สภ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนายณรงค์วิทย์ อายุ 59 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียน ในคลิปฉาวทำอนาจารลูกศิษย์หญิง ผู้ต้องหาคดีทำอนาจารเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนเมื่อเย็นวานนี้พร้อมให้การภาคเสธว่า หลังจากพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมทำการสอบปากคำนายณรงค์วิทย์แล้ว ทางผู้ต้องหาได้ยื่นประกันตัววงเงิน 5 แสนบาท โดยใช้ตำแหน่งข้าราชการระดับซี 8 เป็นหลักค้ำประกัน และเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า นายณรงค์วิทย์ ไม่มีพฤติกรรมจะหลบหนีแต่อย่างไร และหลังมีการออกหมายจับก็เดินทางมาพบและแสดงตนต่อพนักงานสอบสวนโดยทันที จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว

พ.ต.อ.นิคม กล่าวอีกว่า ส่วนการสอบสวนขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี มีการสอบพยานแวดล้อมจากครูในโรงเรียนเกี่ยวกับพฤติการณ์ของผู้อำนวยการโรงเรียนรายนี้ และสอบผู้นำชุมชนและผู้ปกครองเด็กเพื่อประกอบสำนวนคดี นอกจากนี้ยังต้องรอผลการตรวจสอบคลิปวีดีโอจากผู้ชำนาญการที่พนักงานสอบสวนส่งไปให้ตรวจพิสูจน์ให้ส่งกลับมาก่อน อาจต้องใช้ระยะเวลาอีกระยะจึงจะสามารถสรุปสำนวนส่งให้ทางพนักงานอัยการพิจารณาได้ ก็พยายามจะเร่งให้เร็วที่สุด ส่วนสถานการณ์โควิดในขณะนี่ไม่กระทบต่อการทำคดีเพราะขณะนี้จะหนักให้ในเรื่องของพยานเอกสารมากกว่า

สำหรับคดีนี้ไม่มีความกดดันอะไร แต่ทั้งนี้เนื่องจากโดยพื้นฐานที่ผู้ต้องหารายนี้เคยอยู่ในโรงเรียนนี้ เข้าออกคลุกคลีกับชุมชนมาต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ไม่ได้ลำบากใจอะไรเพราะมีหลักฐานทีปรากฏชัดเจนอยู่ และเป็นนโยบายของผู้บังคับบัญชาที่ให้เข้มงวดกับคดีเกี่ยวกับการล่วงละเมิดเด็ก