งานวิจัยชิ้นใหม่ของนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันปาสเตอร์ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งนำโดย ดร.ซิลวี ฟาน เดอร์ เวิร์ฟ และเอเตียนน์ ซิมง-ลอริแยร์ นักวิทยาไวรัส ระบุว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในฝรั่งเศส ไม่ได้มาจากผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศจีนหรืออิตาลี แต่เกิดจากเชื้อไวรัสที่อยู่ในประเทศ ซึ่งยังไม่ทราบแหล่งกำเนิด
ฝรั่งเศสเป็นประเทศแรกในยุโรปที่มีการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยผู้ป่วยหลายคนเป็นผู้ที่เดินทางมาจากมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน เมื่อวันที่ 24 มกราคม ทว่าสายพันธุ์ไวรัสที่พบในผู้ป่วยกลุ่มแรก กลับไม่ถูกพบในร่างกายของผู้ป่วยกลุ่มหลังจากนั้น ซึ่งนั่นหมายความว่า มาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากประเทศจีนประสบความสำเร็จในการป้องกันการระบาดในประเทศ
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถระบุแหล่งที่มาของเชื้อไวรัสกลุ่มหลัง ซึ่งมีความรุนแรงมากกว่าได้
สถาบันปาสเตอร์ได้เก็บตัวอย่างจากผู้ป่วยกว่า 90 คนทั่วประเทศ ที่ไม่มีประวัติการเดินทางและไม่ได้สัมผัสกับผู้ที่กลับจากการเดินทาง และพบว่าลำดับพันธุกรรมของไวรัสที่พบในผู้ป่วยกลุ่มนี้ไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับผู้ป่วยที่เดินทางมาจากประเทศจีน
ส่วนผู้ป่วยคนอื่นๆ ที่มีเชื้อไวรัสในกลุ่มเดียวกันนี้ เป็นผู้ที่เพิ่งเดินทางไปยังประเทศในยุโรป รวมถึงสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาดากัสการ์ และอียิปต์ แต่ไม่มีหลักฐานโดยตรงที่ระบุว่า ผู้ป่วยกลุ่มนี้ติดเชื้อมาจากประเทศดังกล่าว ดังนั้น นักวิทยาศาสตร์จึงกล่าวว่า คำอธิบายที่เป็นไปได้ คือการติดต่อภายในประเทศได้เกิดขึ้นในฝรั่งเศสแล้วเป็นระยะเวลาหนึ่ง โดยไม่สามารถตรวจจับได้ และสมมติฐานนี้อาจจะจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับโรคที่มีอาการไม่รุนแรง หรือโรคที่ไม่แสดงอาการ
การค้นพบดังกล่าวนอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความยากลำบากของรัฐบาลในการสืบหาต้นตอของการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาแล้ว ยังทำให้ประเทศฝรั่งเศสถูกระบุในรายชื่อของประเทศที่ไม่มีความเชื่อมโยงกับการระบาดในประเทศจีน เช่นเดียวกับสายพันธุ์ไวรัสในรัสเซียและออสเตรเลีย ที่มาจากยุโรปและสหรัฐอเมริกาตาลำดับ
เบนจามิน นิวแมน ศาสตราจารย์และประธานกลุ่มวิทยาศาสตร์ชีวภาพ มหาวิทยาลัยเท็กซัส เอ แอนด์ เอ็ม – เท็กซาร์คานา กล่าวว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์ของฝรั่งเศสนี้อาจจะมาจากประเทศเบลเยียม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีลำดับพันธุกรรมที่ใกล้ชิดกับพันธุกรรมดั้งเดิมจากประเทศจีนอยู่