ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้รับการเปิดเผยจาก นายคณพศ อายุ 16 ปี นักเรียนโรงเรียนมัธยมสาธิตแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมปักหมุดคณะราษฎร 2563 ที่สนามหลวง ว่า (17 ต.ค. 63) เขาถูกควบคุมตัวขณะเดินทางด้วยรถแท็กซี่พร้อม ณวรรษ กลุ่ม “ประชาชนปลดแอก” ซึ่งถูกจับกุมตามหมายจับของศาลแขวงปทุมวัน ก่อนที่ณวรรษจะถูกแยกนำตัวไป บก.ตชด.ภาค 1 ส่วนคณพศถูกตำรวจนำตัวส่ง สน.ปทุมวัน และให้ติดต่อผู้ปกครองมารับ
หลังจากแฟลชม็อบที่สามย่านมิตรทาวน์แยกย้ายกันในเวลาประมาณ 17.30 น. ขณะที่คณพศและณวรรษกำลังจะขึ้นแท็กซี่ไปสมทบกับผู้ชุมนุมบริเวณวงเวียนใหญ่ เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ 5 นาย ได้เข้าล้อมแท็กซี่คันนั้นไว้ไม่ให้เคลื่อนออกไป ทราบภายหลังว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัด กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ตำรวจนอกเครื่องแบบส่วนหนึ่งเข้าถึงตัวณวรรษและกดณวรรษไว้กับเบาะรถด้านหลัง ขณะที่อีกส่วนเข้าถึงตัวคณพศ สั่งห้ามไลฟ์เหตุการณ์จับกุมและเข้าบีบมือคณพศ จนเขาทนไม่ไหวและปล่อยมือจากโทรศัพท์ เจ้าหน้าที่จึงยึดโทรศัพท์ของเขาไว้ จากนั้นนอกเครื่องแบบได้สั่งให้คนขับแท็กซี่ออกรถมุ่งหน้าแยกพญาไทเพื่อไป บก.ตชด.ภาค 1 คลองห้า จ. ปทุมธานี โดยมีเจ้าหน้าที่ 2 นาย นั่งควบคุมตัวทั้งสอง ทำการค้นกระเป๋าและตัวของณวรรษ และถ่ายรูปทั้งคู่ระหว่างถูกควบคุมตัวไว้
ระหว่างที่รถแท็กซี่ขับถึงบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต นอกเครื่องแบบสั่งให้คนขับหยุดรถเพื่อนำตัวคณพศลงจากรถแท็กซี่ไปขึ้นรถตู้ที่ติดฟิล์มกรองแสงค่อนข้างทึบสีดำ คนขับรถตู้ซึ่งไม่แนะนำตัวว่าเป็นใคร ทราบภายหลังจากบันทึกประจำวันว่าเป็นชายอายุ 35 ปี ภูมิลำเนาอยู่จังหวัดชัยภูมิ บอกคณพศว่าจะพาไปที่ สน.ปทุมวัน แต่ไม่ได้คืนโทรศัพท์ที่ยึดไป คณพศสังเกตเห็นว่าระหว่างที่เขาถูกนำตัวย้อนกลับเข้ากรุงเทพฯ มีรถตู้และรถเก๋งขับนำหน้าและตามหลังรถตู้ที่เขานั่งมาตลอดทาง
20.00 น. เมื่อคณพศถูกควบคุมตัวถึง สน.ปทุมวัน เจ้าหน้าที่ได้คืนโทรศัพท์ให้เขาโทรหาผู้ปกครองให้มารับตัวกลับบ้าน แต่คณพศตัดสินใจโทรศัพท์ติดต่อผู้ไว้วางใจแทน และใช้จังหวะนั้นแจ้งข่าวนักกิจกรรมว่า ณวรรษถูกจับและถูกนำตัวมุ่งหน้าไป บก.ตชด.ภาค 1 แล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่ทราบว่าคณพศยังไม่แจ้งให้ผู้ปกครองมารับ เจ้าหน้าที่ได้ตะคอกใส่เขาและดึงโทรศัพท์ไปโทรหาผู้ปกครองของเขาด้วยตนเอง
เมื่อผู้ปกครองของคณพศมาถึง ผู้กำกับ สน.ปทุมวัน ได้เข้าชี้แจงว่า ตอนนี้กรุงเทพฯ อยู่ระหว่างการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง มีข้อห้ามเรื่องการชุมนุมตั้งแต่ 5 คน ตนต้องทำตามกฎหมายและเข้าใจว่า คณพศต้องการทำกิจกรรม แต่ขอร้องให้ผู้ปกครองพูดคุยกับคณพศว่า ไม่ขึ้นเวทีปราศรัยได้หรือไม่ พร้อมกับนำรูปภาพที่คณพศปราศรัยในแฟลชม็อบบริเวณสามย่านมิตรทาวน์ ในโทรศัพท์ให้ผู้ปกครองดู จากนั้นก็ให้ผู้ปกครองลงลายมือชื่อในเอกสาร 3 แผ่น เพื่อรับตัวคณพศกลับบ้าน โดยมีตำรวจบันทึกภาพและวิดีโอกระบวนการทั้งหมดไว้โดยตลอด หลังออกจาก สน.ปทุมวัน คณพศพร้อมผู้ปกครองเดินทางกลับถึงบ้านในเวลาประมาณ 22.00 น.