ชาวอเมริกันได้ออกมาลงคะแนนล่วงหน้าอย่างคึกคักในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยล่าสุดมีการใช้สิทธิ์แล้วมากกว่า 77.4 ล้านคน ซึ่งมากกว่าสถิติการใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าในปี 2559 ที่ 58 ล้านคน และมีการคาดการณ์กันว่า ในปีนี้จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ
ในจำนวน 77.4 ล้านคนดังกล่าว ชาวอเมริกันจำนวน 50.8 ล้านคนได้ลงคะแนนเสียงล่วงหน้าทางไปรษณีย์ ส่วนอีก 26.5 ล้านคนได้เดินทางไปหย่อนบัตรเลือกตั้งที่คูหา
ทั้งนี้ ในวันที่ 3 พ.ย. นอกจากชาวอเมริกันที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปจะออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งประธานาธิบดีแล้ว พวกเขายังจะทำการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภาจำนวน 435 คน และเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 1 ใน 3 ของทั้งหมด หรือจำนวน 33 คน จากทั้งหมด 100 คน โดยการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะมีขึ้นทุก 4 ปี และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะมีขึ้นทุก 2 ปี
ขณะเดียวกัน ชาวอเมริกันยังออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวนหลายพันคนทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงผู้ว่าการรัฐ และผู้พิพากษา ส่งผลให้การเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย. ถือเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญต่อทั้งพรรคเดโมแครต และรีพับลิกัน เนื่องจากจะมีผลต่อชัยชนะของพรรคในการครอบครองทำเนียบขาวและสภาคองเกรส
นอกจากนี้ บางรัฐอาจพ่วงการทำประชามติในประเด็นต่างๆ ที่กำลังเป็นที่สนใจภายในรัฐ ให้ประชาชนลงคะแนนเสียงในวันที่ 3 พ.ย.เช่นเดียวกัน เช่น การควบคุมอาวุธปืน หรือสิทธิของกลุ่มรักร่วมเพศ เป็นต้น