ชาวบ้านเดินเก็บเงินกฐินท่ามกลางศพผู้เสียชีวิตเกลื่อนรางรถไฟ คนในพื้นที่เสียใจคณะบุญลูกหลานมาไม่ถึงวัด
ความคืบหน้ากรณีอุบัติเหตุรถไฟชนกับรถบัสทอดกฐินสามัคคี ของคณะคนงานจากโรงงานแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ เหตุเกิดวานนี้ (11 ต.ค.63) บริเวณสถานีรถไฟคลองแขวงกลั่น พื้นที่หมู่ 7 ต.บางเตย อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา ผู้สื่อข่าวรายงานถึงตัวเลขของผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตล่าสุดในขณะนี้ หลังจากยังได้รับข้อมูลยืนยันจากทางสำนักงานสาธารณสุข อ.เมืองฉะเชิงเทรา ว่า ตัวเลขของผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 18 ราย โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ราย ยังนอนพักรักษาตัวอยู่ใน รพ.พุทธโสธร และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอาการปานกลาง 7 ราย อาการเล็กน้อย 26 ราย รวมมีคนเจ็บทั้งหมด 36 ราย
โดยหลังเกิดเหตุ ชาวบ้านได้เดินเก็บเงินต้นกฐินออกจากซากรถ ท่ามกลางร่างของผู้เสียชีวิตที่กระจายเกลื่อนรางรถไฟ โดยตั้งใจจะนำเงินดังกล่าวไปทำบุญตามเจตนารมณ์ของคณะกฐินดังกล่าว และเพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตด้วย
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังที่วัดบางปลานัก พื้นที่ ม.10 ต.บางเตย อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อขอเข้าพบ พระครูวิรัตน์ วัย 93 ปี เจ้าอาวาสวัด แต่ปรากฏว่ายังอยู่ในอาการอาพาธ โดยมีพระสมุสมนึก รองเจ้าอาวาสปฏิบัติหน้าที่รักษาการณ์แทน แต่ได้ติดกิจนิมนต์ไปงานฌาปนกิจศพยังที่วัดอื่น จึงได้เข้าพูดคุยกับกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ถึงเหตุการณ์กรณี ขบวนรถไฟสินค้าพุ่งชนรถบัสผู้ที่กำลังจะเดินทางมาร่วมงานบุญกฐิน ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากนั้น
นายสมศักดิ์ ขาวยั่งยืน อายุ 60 ปี พร้อมด้วยกลุ่มชาวบ้านได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่มีผู้ร่วมสายบุญอีกคณะนั้นเดินทางมาไม่ถึงยังที่วัด ทั้งที่ได้ตั้งใจที่จะพากันมาทำบุญเพื่อทอดผ้าป่าประกอบกองกฐินในการสมทบทุนเพื่อใช้ในการบูรณะวัด แต่ทางวัดยังต้องเดินหน้าจัดพิธีทอดกฐินต่อไป เนื่องจากยังมีนักบุญที่พากันเดินทางมาเข้ากันทำบุญอีกหลายสาย และในระหว่างเกิดเหตุยังไม่มีใครทราบถึงเหตุร้ายที่เกิดขึ้น
แต่สำหรับสายที่เดินทางมาประสบอุบัติเหตุในวันนี้ ถือเป็นลูกหลานของคนในพื้นที่ ที่เดินทางไปทำงานกันในต่างพื้นที่ และได้ชักชวนกันมาทำบุญร่วมกันในทุกๆ ปี อย่างไม่เคยขาด ชาวบ้านจึงต่างรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปตามๆ กัน สำหรับเงินทอดกฐินของทางวัดบางปลานักในปีนี้ มียอดเงินสมทบรวมจำนวน 746,230 บาท
ขณะที่ชาวบ้านต่างพูดตรงกันว่า บริเวณจุดเกิดเหตุได้เคยขอเครื่องกั้นรถไฟไปนานแล้ว แต่เรื่องกลับเงียบหาย ล่าสุดเมื่อ 2 เดือนก่อน ก็เคยเกิดอุบัติเหตุ รถชาวบ้านผู้ใช้เส้นทางถูกรถไฟชนมาครั้งหนึ่งแล้ว จึงอยากให้ทางการรถไฟเข้ามาดำเนินการแก้ไข หรือทำเครื่องกั้นให้ เนื่องจากหลังการขยายเส้นทางรถไฟใหม่เป็นแบบรางคู่แล้ว เส้นทางรถไฟมีลักษณะเป็นเนินสูง จึงมีมุมอับบดบังสายตาของรถที่จะขับข้ามถนน อีกทั้งยังไม่มีไฟสัญญาณเตือนเวลารถไฟผ่านอีกด้วย