"สามเอ" ขอบคุณ 4 ผู้มอบโอกาส, ชีวิตดั่งละครของ "ทอนนา" โหมโรงคู่เอก

"สามเอ" ขอบคุณ 4 ผู้มอบโอกาส, ชีวิตดั่งละครของ "ทอนนา" โหมโรงคู่เอกศึก ONE: Reign of Dynasties
โหมโรงก่อนศึก ONE: Reign of Dynasties ที่จะระเบิดความมันกันในวันศุกร์ที่ 9 ตุลาคมนี้ ด้วยเรื่องราวของคู่เอก "สามเอ ไก่ย่างห้าดาว" แชมป์โลกสองประเภทกีฬา มวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง จะป้องกันเข็มขัดจากผู้ท้าชิง ซึ่งรั้งอยู่ในอันดับหนึ่งของแรงกิงอย่าง &qu

โหมโรงก่อนศึก ONE: Reign of Dynasties ที่จะระเบิดความมันกันในวันศุกร์ที่ 9 ตุลาคมนี้ ด้วยเรื่องราวของคู่เอก "สามเอ ไก่ย่างห้าดาว" แชมป์โลกสองประเภทกีฬา มวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง จะป้องกันเข็มขัดจากผู้ท้าชิง ซึ่งรั้งอยู่ในอันดับหนึ่งของแรงกิงอย่าง "จอช ทอนนา" ในกติกามวยไทย รุ่นสตรอว์เวต

สำหรับ "ซ้ายไฟลามทุ่ง" ยอดกำปั้นระดับตำนานมวยไทย วัย 36 ปี กวาดแชมป์และรางวัลต่างๆ มามากมายตลอดชีวิต ซึ่งกว่าจะมีวันนี้ เจ้าตัวยอมรับว่ามีหลายองค์ประกอบ รวมถึงผู้คนมากมายที่ยื่นมือเข้ามาให้การสนับสนุนและอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ

"ต้องขอบคุณ 3 ผู้มีพระคุณที่สร้างผมมา ทั้ง เสี่ยเน้า และ เสี่ยโบ๊ท (วิรัตน์-ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ ) ที่เป็นผู้ปลุกปั้น เลี้ยงดูตั้งแต่ผมมาอยู่กับเพชรยินดีฯ เป็นเวลากว่า 10 ปี เมื่อก่อนร่างกายผมไม่ค่อยแข็งแรง แรงชกไม่ค่อยมี แต่หลังจากได้รับการดูแลและฝึกซ้อมอย่างดีทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น"

"ย้อนไปช่วงปี 2554-2555 ร่างกายผมดีมาก ไม่พลาดท่าแพ้ให้ใครเลย ผมก็ได้ ดร.พงษ์ วิเศษไพฑูรย์ (ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด) ให้การสนับสนุนผมมาตลอดในนาม ไก่ย่างห้าดาว ซึ่งเป็นการให้โอกาสมวยบ้านนอกคนหนึ่งได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น บอกได้เลยว่าบุญคุณของทั้งสามท่านชดใช้ชาตินี้ก็ไม่มีวันหมด"

"อีกคนที่จะขาดไปไม่ได้เลยสำหรับบุคคลนี้ พี่ชาตรี ศิษย์ยอดธง ผู้ก่อตั้ง วัน แชมเปียนชิพ และยิม Evolve ท่านเป็นผู้ที่ให้โอกาสนักมวยที่เลิกชกไปแล้วอย่างผมได้มีงาน มีอาชีพ และไว้ใจให้ผมขึ้นชก ซึ่งหากย้อนไปเมื่อปี 2559 ช่วงนั้นเป็นช่วงที่สภาพจิตใจผมแย่มาก เพราะมีอาการเจ็บเรื้อรัง ชกแพ้บ่อย ทำให้ท้อจนต้องตัดสินใจแขวนนวม"

f
"พี่ชาตรี ได้หยิบยื่นโอกาสให้ผมไปเป็นผู้ฝึกสอนที่ Evolve สิงคโปร์ จากนั้นก็ยังหยิบยื่นโอกาสที่สอง ด้วยการให้ผมกลับมาคืนสังเวียนอีกครั้ง ทั้งยังได้ขึ้นชิงแชมป์โลกด้วย ถือว่าเป็นอีกบุคคลที่มีบุญคุณกับผมมาก เรียกว่าเป็นผู้ชุบชีวิตของผมเลยก็ว่าได้"

ด้าน "Timebomb" จอช ทอนนา ผู้ท้าชิงชาวออสเตรเลีย วัย 32 ปี กระหายชัยชนะครั้งนี้อย่างมาก เพราะเจ้าตัวรู้ดีว่าสามารถพลิกชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ อีกทั้งยังจะสร้างชื่อเสียงให้กับบ้านเกิด และเป็นแรงบันดาลใจให้คนในชาติของตัวเองได้ด้วย

ทอนนา เกิดและเติบโตในกรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย ท่ามกลางครอบครัวที่แตกสลาย พ่อแม่ของเขาหย่าร้างกันตั้งแต่เขาอายุเพียงขวบเดียว และต่างฝ่ายต่างก็
แต่งงานใหม่เกือบจะทันที

เมื่ออายุ 17 ปี จอชติดสอยห้อยตามเพื่อนไปงานปาร์ตี มีเด็กวัยรุ่นมารวมกันเกือบร้อยคน และบรรยากาศก็เริ่มเถื่อนขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการชกต่อยเกิดขึ้นแทบจะทุกๆสิบนาที สุดท้ายจอชก็ตกเป็นเป้าหมายของอันธพาล เมื่อจู่ๆมีคนเข้ามาหาเรื่อง ตัวเขาเองที่ไม่เคยชกต่อยกับใคร ถึงกับกลัวจนหัวหด

"หมอนั่นเข้ามาผลักผม และผมกลัวมาก มีเด็กผู้หญิงอยู่แถวนั้น ผมจึงไปหลบอยู่หลังเธอ ผมขอให้เธอช่วยห้ามจนหมอนั่นสงบลง และยอมขอโทษ แต่อีกประมาณ 15 นาที หมอนั่นก็เอาอีก เขาหาเรื่องผมและผลักผม จนผมต้องเผ่น ให้ตายสิ เกิดมาไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย"

วันรุ่งขึ้น จอชไปหาพ่อซึ่งทำงานเป็นคนคุมที่ไนต์คลับ และเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง พ่อจึงแนะนำให้เขาไปฝึกวิชาป้องกันตัวกับเพื่อนของเขา "จอห์น เวอร์แรน" ซึ่งเป็นโค้ชฝึกสอน
มวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง แม้ว่าจอชสนใจ แต่เขาก็ไม่ได้ไปที่โรงยิม จนกระทั่งหกเดือนผ่านไป เขาได้เหยียบไปที่ยิมครั้งแรกก็เกิดติดใจกับศิลปะการต่อสู้ขึ้นมาทันที

หกเดือนหลังจากนั้น ช่วงปลายปี 2006 จอชได้ขึ้นเวทีเปิดตัว และรู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างเสียเปรียบ เพราะเขาเตี้ยกว่าคู่ต่อสู้ถึงเกือบหนึ่งไม้บรรทัด แถมน้ำหนักตัวก็น้อยกว่าจนลงแข่งรุ่นนี้ไม่ได้ (แต่เขาแอบสวมเสื้อหนาๆ และใส่ของลงในกระเป๋าตอนชั่งน้ำหนัก)

b
"ผมจำได้ว่าตอนเห็นเขาบนเวที เขาตัวสูงจริงๆ และพอมองไปที่หน้าแข้งก็คิดว่า ถ้าโดนเข้าคงต้องเจ็บแหงๆ แต่ระหว่างการต่อสู้ ในหัวผมโล่งไปหมด ผมวิ่งเข้าใส่และพยายามอัดเขาจนร่วงลงไปทุกยก สุดท้ายผมชนะคะแนน และ เบน เอ็ดเวิร์ด เพื่อนรักของผม (ซึ่งเป็นแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่งในเวลาต่อมา) ได้ตั้งฉายาให้ผมว่า Timebomb"

ปี 2009 จอชยังคงฝึกฝนมวยไทย และลงแข่งในเวทีท้องถิ่น ด้วยความหวังที่จะได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมรายการ K-1 แต่ในเดือนกุมภาพันธ์ปีนั้น ก็เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น เขาได้รับโทรศัพท์จากพ่อ บอกให้เขารีบมาพบที่ไนต์คลับที่ซึ่งเขาได้พบกับโค้ชครั้งแรก เมื่อไปถึงพ่อแจ้ง
ข่าวร้ายว่า จอห์น เวอร์แรน หัวใจวายและจากไปแล้ว

"ผมรู้สึกใจสลาย ผมไม่เคยร้องไห้เวลามีใครตาย แต่ผมหยุดร้องไม่ได้เลยเป็นวันๆ ผมเสียใจมาก ราวกับเสียพ่อคนที่สองไป"

"เจมี แมคคัวอิก" เข้ามาเทกโอเวอร์โรงยิมต่อ ซึ่งในตอนนั้น จอชกำลังซ้อมเพื่อเตรียมชิงแชมป์ระดับประเทศ ส่วน เบน เอ็ดเวิร์ด เพื่อนของเขากำลังจะได้ชิงแชมป์โลกครั้งแรก ซึ่งทั้งคู่ได้รับชัยชนะ และต่างมอบความสำเร็จนี้ให้กับโค้ชที่จากไป

จอชอยู่กับแมคคัวอิกไม่กี่ปี จากนั้นก็ย้ายไปอยู่ที่ Stockade Training Center และขึ้นเวทีแข่งขันสั่งสมกระดูกมวยอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งได้ครองแชมป์ ISKA ในปี 2015 ซึ่งช่วยปูทางให้เขาก้าวสู่รายการ K-1 ที่ใฝ่ฝัน

เขาเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขัน K-1 เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2016 รุ่นเฟเธอร์เวต โดยได้เผชิญหน้ากับ "ไคโตะ โอซาวา" ในรอบแรก แต่ขึ้นเวทีได้เพียง 57 วินาทีก็ถูกปิดเกมด้วยเข่า ทางร่างกายเขาไม่ได้เจ็บมาก แต่ทางจิตใจเขาถึงกับเสียศูนย์ และล้มเลิกการแข่งขันไฟต์ต่อไปที่กรุงโตเกียว

หลังจากความปราชัยครั้งนั้น จอชตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า เขาไม่แน่ใจว่ายังต้องการเดินทางสายนี้ต่อไปหรือไม่ แต่ เคิร์สตี ภรรยาของเขาสนับสนุนให้ก้าวต่อไป และในไม่ช้าเขาก็ตระหนักว่าไม่มีอะไรสามารถเติมเต็มชีวิตให้เขาได้เหมือนอย่างมวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะกลับมาเอาดีทางกีฬาต่อสู้ จอชตัดสินใจพิสูจน์ตัวเองในฐานะนักกีฬา วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ รุ่นฟลายเวต เมื่อปี 2018 แต่ไฟต์แรกเขาก็ถูก "เพชรดำ เพชรยินดีอะคาเดมี" ปิดเกมเร็ว ก่อนที่จะตีไข่แตกได้ในไฟต์ต่อมา เมื่อขึ้นชกกับคู่แข่งชาวอิตาลี "The Hurricane" โจเซฟ ลาซิรี

 

z
ความรู้สึกเก่ากลับมาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง เมื่อขึ้นสังเวียนไฟต์ต่อมากับดาวรุ่งชาว
ญี่ปุ่น "ฮิโรกิ อากิโมโตะ" เขาถูกเล่นงานเข้าที่ชายโครงตั้งแต่ช่วง 50 วินาทีแรก กรรมการเริ่มนับถึงแปด ความทรงจำอันเลวร้ายจากการแข่งขัน K-1 เมื่อเกือบสองปีก่อนย้อนกลับมาอีกครั้ง

"ผมรู้สึกเหมือนว่า ไม่นะ ยังชกได้ไม่ถึงนาทีเลย ผมบอกตัวเองแล้วว่าทิ้งตัวไม่ได้"

จอชกัดฟันลุกขึ้นมาสู้ แต่สุดท้ายเขาก็พ่ายคะแนนในไฟต์นั้น อย่างน้อยเขาเดินลงจากเวทีด้วยความภูมิใจที่สามารถเอาชนะใจตัวเองได้ การพิสูจน์ตัวเองครั้งนั้นกลายเป็นจุดเปลี่ยน จอชกลับไปเปลี่ยนแปลงตัวเองขนานใหญ่ โดยฝึกฝนกับคนที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นเขาได้

ไฟต์ต่อมาเขาเอาชนะ "Mad Dog" โยชิฮิซา โมริโมโตะ ในเดือนกรกฎาคม 2562 ก่อนที่จะย้ายลงมาชกในรุ่นสตรอว์เวต และล้มแชมป์โลกมวยไทย 5 สมัย "Punisher" แอนดี ฮาวสัน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563

ตลอดชีวิตของทอนนา เขาได้รับบทเรียนแห่งความยากลำบาก ล้มลุกคลุกคลาน และลิ้มรสความหอมหวานของชัยชนะ ซึ่งในที่สุดมันก็เปลี่ยนชีวิตของเขาจนก้าวสู่การเป็นเบอร์หนึ่งของแรงกิง ONE มวยไทย รุ่นสตรอว์เวต และกำลังจะได้ขึ้นชิงบัลลังก์แชมป์โลกในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้กับเจ้าตำนานมวยไทยอย่าง "สามเอ ไก่ย่างห้าดาว" ในวันศุกร์ที่ 9 ตุลาคมนี้

2020-10-09 14:52:52
927

มวยดังในอดีต

มวยดังในอดีต ตำนานมวยไทย อดีตนักมวยชื่อดัง ตามหานักมวยชื่อดังในอดีต | ดีเด็ดมวยไทย

กีฬารอบโลก

กีฬารอบโลก นานากีฬา ข่าวเด็ดๆ คัดเน้นๆ เพื่อให้แฟน ทีเด็ดมวยไทย ได้ดูเน้นๆ กีฬาดังๆ ฮ็อตฮิตทั่วโลก

ดาวรุ่งภูธร

ดาวรุ่งภูธร มวยดาวรุ่ง มวยหน้าใหม่จากภูธร มวยบ้านนอก ดาวรุ่งดวงใหม่แห่งวงการมวยไทย | ทีเด็ดมวยไทย

ขวัญใจแฟนมวย

ขวัญใจแฟนมวย นักมวยขวัญใจแฟนมวย นักมวยหน้าหยก พระเอกมวยไทย | ทีเด็ดมวยไทย