(18 พ.ค. 63) ที่สำนักงานทนายคู่ใจย่านแจ้งวัฒนะ แม่และ ด.ญ.จอย (นามสมมุติ) วัย 12 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ชุมพร เดินทางมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ จากกรณีที่น้องจอย ลูกสาว ถูกครูดนตรีล่อลวงไปข่มขืน โดยออกอุบายให้น้องจอยไปช่วยขนต้นกล้วย และให้น้องจอยนอนหมอบกับพื้นรถตู้ออกจากโรงเรียน ไปยังรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ซึ่งครูคนดังกล่าวยังได้บังคับให้น้องจอยเสพยาบ้าที่ตนเองเสพไว้ก่อนแล้ว และลงมือข่มขืนกระทำชำเรา
แม่ของน้องจอย เล่าให้ทนายรณณรงค์ฟังว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 63 ที่ผ่านมา น้องจอย ลูกสาวของตนไปโรงเรียนตามปกติ ครูประจำชั้นเห็นว่าน้องจอยมาโรงเรียนเคารพธงชาติในช่วงเช้า แล้วหายตัวไปหลังเคารพธงชาติไม่เข้าเรียน คิดว่าหนีเรียน จึงได้ไปตามที่บ้านเพื่อสอบถามพ่อแม่ จนทราบความจริงว่าถูกครูดนตรีพาขึ้นรถตู้ไปข่มขืนในรีสอร์ท โดยมีการบังคับให้เด็กเสพยาบ้าก่อนบังคับกระทำชำเรา ภายหลังมีคนพาน้องจอยกลับมาส่งที่โรงเรียน ซึ่งน้องจอยได้เล่าเรื่องราวให้แม่และครูประจำชั้นฟัง
ในวันเดียวกันนั้น แม่และคุณครูประจำชั้น ได้พาน้องจอยเข้าแจ้งความที่ สภ.ปะทิว เพื่อดำเนินคดีกับ ครูนิว อายุ 32 ปี เป็นครูสอนดนตรีในโรงเรียนที่น้องจอยเรียนอยู่ และช่วงบ่ายวันเดียวกัน ครูนิว ได้เดินทางมามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.ปะทิว ก่อนตำรวจจะแจ้งข้อกล่าวหากับครูนิว ฐาน พาเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาหรือสามีไปกระทำเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม , พรากเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล และกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาหรือสามีของตนเองโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม หลังสอบปากคำตำรวจได้ปล่อยตัวไปชั่วคราวก่อน เนื่องจากทางผู้ถูกกล่าวหาเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง เพื่อมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งครูนิวได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ต่อมามีการเจรจากันระหว่างแม่กับครูคู่กรณี โดยคู่กรณีเสนอเงินให้ 300,000 บาท แต่แม่น้องจอยไม่ยินยอมรับเงิน และทราบว่าพ่อของครูนิวเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตรในพื้นที่หาดใหญ่
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 63 นางสาววัลภา แก้วสวี พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พมจ.) จ.ชุมพร พร้อม นางสาวพวงเพ็ญ ใจกว้าง หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ชุมพร ได้นำ ด.ญ.จอย ที่ถูกครูนิวข่มขืนกระทำชำเรา เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ปะทิว เพื่อทำการสอบต่อหน้าสหวิชาชีพแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและส่งสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องในข้อหา ฐาน พาเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาหรือสามีไปกระทำเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม , พรากเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล แต่ไม่ฟ้องข้อหากระทำชำเราและข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด จึงทำให้แม่ของน้อยจอยเกิดข้อสงสัยในสำนวนเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเดินทางเข้ามาร้องเรียนต่อทนายรณณรงค์
ด้าน ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่า วันนี้ (19 พ.ค. 63) เวลาประมาณ 09.30 น. จะพาครอบครัวของ ด.ญ.จอย ไปยื่นเรื่องที่สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอตรวจสอบสำนวนคดี เนื่องจากแม่กลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะพ่อของคูรนิวเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร และจะสอบถามถึงประเด็นที่ปรากฏตามเอกสารที่พนักงานสอบสวนแจ้งมา เหตุใดตำรวจจึงไม่สั่งฟ้องในข้อหากระทำชำเราเด็กและข้อหาบังคับให้เด็กเสพยาเสพติด ฟ้องเพียงข้อหาพรากผู้เยาว์และอนาจารเด็กเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีคลิปเสียงจากนักเรียน ที่ว่าครูนิวมักจะพูดจาลามกอนาจารกับนักเรียนผู้หญิง เช่น ถามถึงใครเคยมีเพศสัมพันธ์บาง มีกี่ครั้ง และมีความรู้สึกอย่างไร และให้เด็กนักเรียนบางคนทำเสียงขณะมีเพศสัมพันธ์ให้ฟัง หรือนักเรียนบางคนถูกยึดโทรศัพท์มือถือ หากอยากได้คืนก็ต้องทำเสียงขณะมีเพศสัมพันธ์ให้ครูนิวฟัง จนนักเรียนต่างหวาดผวากลัวครูนิวกันทุกคน แต่ไม่กล้าบอกใคร