ผู้ใช้เฟซบุ๊ก JulietJez Thomassen ได้โพสต์ข้อความเล่าประสบการณ์สุดบีบหัวใจของคนเป็นแม่ เมื่อลูกสาวของตนมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง จนต้องรีบพาไปส่งโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เพราะใกล้บ้านและมีประกัน เมื่อมาถึงโรงพยาบาล คุณหมอก็วินิจฉัยว่าลูกสาวเป็นลำไส้อักเสบ จึงแอดมิตให้น้ำเกลือกับยาแก้ปวด แต่ผ่านไป 1 คืน ลูกสาวก็ยังอาการไม่ดีขึ้น จึงต้องกดเรียกพยาบาล ซึ่งหมอก็ให้มาทั้งยาเม็ดและยาฉีดแก้ปวด พอถึงคืนที่ 2 ลูกสาวก็เจ็บมากขึ้น นอนตัวงอทั้งคืน
ต่อมาหมอเจ้าของไข้มาตรวจ แม่จึงขอให้หมออัลตราซาวด์ท้องลูกสาว เพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ พออ่านผลอัลตราซาวด์เสร็จ หมอก็บอกว่าไม่เป็นอะไร แค่กระเพาะอาหารอักเสบ และยังให้ยาแก้ปวดมาเหมือนเดิม รวมถึงยาเคลือบกระเพาะอาหาร และน้ำเกลือเฉพาะคืนแรกแค่ 1 ขวด หลังจากนั้นก็ถอดออก และให้แต่ยาแก้ปวดมาตลอด 3 วัน จากนั้นสามีก็เข้าไปโวยวายเป็นภาษาอังกฤษ ประมาณว่า ลูกปวดท้องจะตายอยู่แล้ว หมอก็ยังให้แต่ยาแก้ปวด ที่บ้านมีเป็นกระปุก ไม่ต้องพาลูกมาเอายาแก้ปวดถึงโรงพยาบาลก็ได้ สักพักพยาบาลก็แห่กันมาที่ห้อง โดยเอายาตัวใหม่ที่แรงขึ้นมาเปลี่ยนให้ แต่ความเจ็บปวดของลูกก็ไม่ได้ลดลงเลย
ลูกสาวนอนทรมานในห้องพิเศษ รพ.เอกชน
กระทั่งสามีทนไม่ไหว จึงบอกกับนางพยาบาลว่าจะขอพาลูกสาวย้ายโรงพยาบาล สักพักคุณหมอเจ้าของไข้ก็วิ่งมาเท้าเปล่า บอกกับสามีว่า ลูกเป็นแค่กระเพาะอาหารอักเสบ ต้องรออีกสัก 3-4 วัน สามีจึงสวนกลับทันทีว่า ไม่สามารถรอเพื่อดูลูกตายได้ ก่อนจะทำเรื่องขอย้ายลูกมาที่โรงพยาบาลมหาราช เมื่อมาถึงโรงพยาบาลมหาราช เจ้าหน้าที่ก็รีบเข็นเปลพาลูกสาวเข้าห้องฉุกเฉินทันที โดยหมอวินิจฉัยว่า ในท้องของลูกมีของเสียตกค้าง ส่งผลให้แรงดันในท้องเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ปวดท้อง เพราะขับถ่ายและอาเจียนไม่ออก ซึ่งคุณหมอก็ให้ยาสวนทวารเพื่อขับล้างของเสียที่ตกค้างออกมาให้หมด หลังจากนั้นอาการปวดของลูกก็หายเป็นปลิดทิ้ง
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ จึงทำให้ตนรู้ว่า ถ้าเจ็บป่วยถึงขั้นแอดมิตและต้องการรักษาให้หายจริงๆ ตนจะพาครอบครัวมุ่งตรงไปที่โรงพยาบาลของรัฐก่อนเลย ส่วนโรงพยาบาลเอกชน หากเจ็บป่วยเล็กน้อยก็ไปนอนเอาค่าห้อง ค่าชดเชยรายวันได้ แต่อย่าได้ถามหาการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เพราะเธอเพิ่งผ่านความเจ็บปวดตรงนี้มาหมาดๆ จึงอยากแชร์ประสบการณ์ให้บรรดาแม่ๆ ได้รู้แนวทางไปปรับใช้กับครอบครัว
พ่อแม่พาลูกย้ายไป รพ.มหาราช
อย่างไรก็ตาม ค่ารักษาพยาบาล รพ.เอกชน 4 วัน เป็นเงิน 16,000 บาท ซึ่งสิ่งที่ได้คือวินิจฉัยโรคผิด ไม่หาย ต้องย้าย ไป รพ.มหาราช รักษาตัว 2 วัน หาสาเหตุเจอว่าเป็นอะไร หายจากความเจ็บปวดเป็นปลิดทิ้ง เดินกลับบ้านตัวเบา ค่ารักษาฟรีทุกอย่าง
ล่าสุด คุณแม่คนดังกล่าว ได้มีการโพสต์ข้อความหลังข่าวถูกเผยแพร่ออกไปตามสื่อ ระบุว่า "I'm not the good one.. But I want to be a good mom to do all every way to protect my daughter survives.. เราไม่ใช่คนดีเท่าที่ควร แต่เราแค่อยากเป็นแม่ที่ดี ที่ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้อง และทำให้ลูกอยู่รอด"