"คนไม่ยอมคน" เสกสรร อ.ขวัญเมือง จากมวยเข่าพิ้นๆ ธรรมดาๆ สู่ จอมดีเดือด
ย้อนกลับไปเมื่อ 1 ก.ย. 2554 แฟนมวยยังจดจำไฟต์การชกระหว่าง เสกสรร อ.ขวัญเมือง กับไข่มุขขาว ชูวัฒนะ กันได้เป็นอย่างดี เนื่องจากวันนั้น "คนไม่ยอมคน" เสกสรร พลาดโดนหมัดฮุกซ้ายร่วงฟังกรรมการนับ 8 ในยกที่ 2 จากนั้นโดนหมัดเมาและพลาดโดนศอกทรุด ฟังกรรมการนับอีกครั้งในยกที่ 3 ถึงแม้ว่าจะพลาดโดน 2 นับ ทว่าหัวใจเสกสรรไม่ยอมแพ้ ฮึดสู้ต่อ จนได้นับ 8 คืน และพริกชนะน็อกไปได้ในยกที่ 4 ชนิดที่ไม่มีใครอยากเชื่อสายตาตัวเอง แต่มันเป็นภาพเหตุการณืที่เกิดขึ้นจริง ที่ทุกคนต้องยอมรับกบัผลการแข่งขันที่เกิดขึ้นในวันนั้น
และจากวันนั้นทำให้ "คนไม่ยอมคน" เสกสรร กลายเป็นคู่ดุเดือดแห่งปี สนามมวยเวทีราชดำเนิน และเป็นนักชกพันธุ์ดุที่แฟนมวยรู้จักและให้การยอมรับในตัวเขามากขึ้น
ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่เสกสรรยืนหยัดบนถนนสายนี้ บนเวทีเลือดที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย เขาไม่เคยสร้างความผิดหวังให้กับทุกคน เพราะทุกครั้งที่เข้าเดินขึ้นไปบนเวที สิ่งที่เสกสรรมีให้คือความทุ่มเท บวกกับหัวใจความเป็นนักสู้ของเข้าที่มอบให้กับทุกคนชนิดเกินร้อยทุกครั้ง ดังนั้น!!! ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม เสกสรรเขาถึงผงาดมาเป็นจอมดีเดือดของวงการมวยอย่างเต็มภาคภูมิ
เสกสรร อ.ขวัญเมือง หรือชื่อจริง นายเสกสรร อิสลาม ปัจจุบัน อายุ 27 ปี เกิดเมือวันที่ 20 มกราคม 2532 ณบ้านเลขที่ 86/2 ม.7 ต.อิคีรี อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช เป็นบุตรคนที่ 2 จากพี่น้องจำนวน 7 คน ของนายยูโซะ-นางอาสะนะ อิสลาม
หลังจากอายุได้ 7 ปี พ่อของเขาก็จับมาหัดมวยที่ลานหน้าบ้านที่เปิดเป็นค่ายมวย โดยที่ไม่มีเวทีซ้อมเหมือนค่ายมวยอย่างทุกวันนี้ เมื่อก่อนซ้อมกันกลางแดด ให้ผ้ายางทำเป็นหลังคาพอกันฝนได้นิดหน่อย
จนวันหนึ่งพ่อก็พาขึ้นเวทีที่เวทีมวยตลาดคูขวาง เวทีมวยชื่อดังของ จ.นครศรีธรรมราช โดยขึ้นชกในนาม เสกสรร ส.หมากเสก และก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เสกสรรคว้าชัยชนะมาได้พร้อมกับเงินรางวัลค่าตัวจำนวน 300 บาท เป็นครั้งแรก ต่อมาเสกสรร ก็เป็นมวยประกอบคู่รายการ ในเวทีมวยตลาดคูขวาง และเดินสายตะเวนชกในเขตภาคใต้จนมีชื่อเสียง ด้วยสไตล์การชกที่ดุดัน มีหัวใจเกินร้าย
ต่อมา กรุงไกล ไกรนุกูล หรือที่คนในวงการมวยเรียกกันว่า กรุง เทคโนฯ อดีตหัวหน้าคณะผู้จัดการค่ายมวย ศิษย์กรุง ได้นำเสกสรรและพี่ชายของเขาคือ เด่นวัดโท และนักมวยในค่าย ส.หมากเสก ที่มีพ่อของเสกสรร เป็นหัวหน้าคณะ/ผู้จัดการทั้งหมด เข้าเสนอชกเวทีเมืองกรุง โดยแรกเริ่มพาเดินสายชกเวทีมวยชายเมืองก่อน ก่อนที่จะเสนอให้ เสี่ยบู้ เมืองเพชร โปรโมเตอร์ศึกเพชรสุภาพรรณ เวทีลุมพินี ในเวลานั้นดูแลนักมวยชุดนี้ รวมถึงเสกสรรด้วย โดยตอนแรก กรุงไกร ไกรนุกูล พามาซ่อมที่มวยศิษย์กรุง ในวิทยาลัยเทคโนโลยีบางกะปิ จากนั้น สมหมาย สกุลเมตตา ก็ได้เข้ามาในวงการมวยด้วยการเข้าไปสนับสนุนค่ายมวยลูกคลองจั่น จากนั้น กรุงไกร ไกรนุกูล หัวหน้าคณะ/ผู้จัดการ ศิษย์กรุง ที่มีความผูกพันธ์กับ สมหมาย สกุลเมตตา หัวหน้าคณะ ส.สมหมาย มาก่อนในฐานะเพื่อน ก็ได้นำมวยที่อยู่ในความดูแลของตนเองทั้งหมดยกให้ สมหมาย สกุลเมตตา ที่ต้องการเข้ามาในวงการมวยสนับสนุน
ตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา ตั้งแต่อายุ 7 ปี จนถึงวันนี้ 27 ปีแล้ว เขายังยืนหยัดบนสังเวียนเลือด ไม่ว่าครั้งไหน เสกสรรไม่เคยสร้างความผิดหวังให้แฟนมวยแม้แต่ครั้งเดียว ยิ่งนานวันดูเหมือนว่าเสกสรรจะพัฒนาตัวเองเรื่อยๆ จากมวยเข่าพื้นๆ ธรรมดา ที่ไม่มีใครว่าจะผงาดขึ้นมาเป็นมวยแนวหน้าของวงการได้ เขาก็ทำได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่มวยเข่าจะผงาดได้หากไม่แข็งแรง แกร่งจริงๆ เพราะมวยเข่าต้องลงทุนเยอะกว่ามวยฝีมือ อาวุธหลากหลาย เหลี่ยมตัวดีเชิงชกฉลาด เพราะดูพริ้วกว่า เพลินตากว่ามวยเข่าแข็งแรงดุดัน แต่วันนี้เสกสรรได้พิสูจน์ให้มวยสไตล์เดียวกันกับเขาทุกคนเห็นแล้วว่ามวยเข่าแข็งแรงก็ผงาดเป็นมวยแนวหน้า มวยแม่เหล็ก ของวงการมวยได้เช่นเดียวกัน
ณ วันนี้ เสกสรร อ.ขวัญเมือง คือนักมวยแม่เหล็ก ทำเนียบมวยเงินแสนของวงการมวยอีกคน และที่สำคัญเขายีงครองใจแฟนมวยในฐานะจอมดีเดือนอีกด้วย มันสุดยอดมากๆ
ขอบคุณบทความจาก : นิตยสารมวยสยาม