วันที่ 5 ก.พ. จากกรณี คณะกรรมการสุสานมูลนิธิพิจิตรสามัคคี ต.คลองคะเชนทร์ อ.เมือง จ.พิจิตร ได้ว่าจ้างทีมงาน บุญเชิดภาพยนตร์ คณะหนังกลางแปลง มาฉายภาพยนตร์ในช่วงเทศกาลวันตรุษจีน เพื่อให้วิญญาณบรรพบุรุษ ซึ่งเป็นคหบดีและคนมีชื่อเสียงที่เป็นชาวไทยเชื้อสายจีนของ จ.พิจิตร กว่า 300 หลุม ได้ชมในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยมีการจัดงานต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีมายาวนานกว่า 50 ปี
โดยเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา คณะหนังกลางแปลงได้เข้าติดตั้งจอหนังกลางแปลง พร้อมเครื่องฉายหนัง และระบบเสียง เพื่อเตรียมฉายภาพยนตร์ 3 เรื่อง ในยามค่ำคืนนี้ ได้แก่ ภาพยนตร์ป่วงเซียง ซึ่งเป็นภาพยนตร์สำหรับไหว้เจ้าที่ และวิญาณบรรพบุรุษ ต่อด้วยภาพยนตร์จีนแอคชั่นสุดมันส์ ได้แก่ หนังจีนฟ้านี้ใหญ่ได้คนเดียว และ ตบท้ายด้วยหนังไทย เรื่อง อีนางเอ๋ย เขยฝรั่ง
ล่าสุดเมื่อเวลา 20.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ สุสานมูลนิธิพิจิตรสามัคคีสุดจะวังเวง น่าสะพรึงกลัวในความมืดสนิท เนื่องจากมีเพียงคณะกรรมการมูลนิธิพิจิตรสามัคคี และลูกหลานมูลนิธิเชื้อสายจีนและชาวบ้าน ที่อาศัยอยู่ใกล้ๆจำนวน 20 – 30 คนเข้ามาดูภาพยนต์กลางแปลงที่สุสาน อีกทั้งการนั่งดูหนังนั้นจะนั่งหน้าฮวงซุ้ยหลุมฝังศพท่ามกลางกลิ่นธูปลอยไปมาจากฮวงซุ้ยต่างๆโดยบรรยากาศ เยือกเย็น น่ากลัว วังเวงอย่างมาก
นายอนุศิษฐ์ หลิมศิริวงศ์ รองประธานฝ่ายสุสาน เปิดเผยว่า ค่ำคืนนี้เป็นวัน “ชิวอิก” ในช่วงเทศกาลตรุษจีน คณะกรรมการมูลนิธิได้ว่าจ้างบุญเชิดภาพยนต์ มาฉายหนังกลางแปลงให้กับผู้วายชนม์เชื้อสายจีนที่ฝังอยู่ในสุสาน ซึ่งล้วนเป็นบรรพบุรุษชาวไทยเชื้อสายจีนในตลาดเมืองพิจิตร ที่มีศพฝังอยู่จำนวนมากกว่า 300 หลุม ได้ดูหนังและการฉายภาพยนตร์นี้ได้จัดฉายติดต่อกันมา 52 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2510 แล้ว
“สำหรับการจัดฉายหนังในวันชิวอิก ของเทศกาลตรุษจีนในช่วงเช้าได้จัดพิธีเซ่นไหว้แป๊ะกง และเซ่นไหว้บรรพบุรุษก่อน เป็นการบอกกล่าว ก่อนจะทำการฉายหนังในสุสานป่าช้าของค่ำคืนนี้ โดยมีหนังฉายในคืนนี้ 3 เรื่องๆแรก “ป่วงเซียง” หรือหนังไหว้เจ้า เรื่องที่ 2 หนังจีน เรื่องฟ้านี้ใหญ่ได้คนเดียว เรื่องที่ 3 เป็นหนังภาพยนตร์ไทยเรื่อง อีนางเอย เขยฝรั่ง โดยภาพยนตร์ทั้ง 3 เรื่องจะไปจบเอาตอนช่วงเกือบสว่างพอดี”
ด้านนายบุญเชิด คุ่ยคร้าม เจ้าของและผู้จัดการบุญเชิดภาพยนตร์ กล่าวว่า การฉายภาพยนตร์ให้กับวิญญาณบรรพบุรุษชาวไทยเชื้อสายจีนของจ.พิจิตร มีการจัดต่อเนื่องยาวนานกว่า 50 ปี ซึ่งต้องบอกว่ารู้สึกดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างสุขให้กับดวงวิญญาณบรรพบุรุษของคนไทยเชื้อสายจีน และได้สืบทอดประเพณีอันดีงามที่แสดงออกถึงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ แม้ว่าท่านเหล่านั้นจะล่วงลับไปแล้ว
“แต่อย่างไรก็ตามจะรู้สึกวังเวงบ้าง ในช่วงของการเก็บของหลังจากเลิกฉายภาพยนตร์ เนื่องจากจะเหลือเพียงผมและลูกน้องทีมงาน แต่ก็พบเรื่องที่ลึกลับระหว่างฉายหนัง ได้มีคนชราซึ่ง เป็นคนจีนใส่เสื้อผ้าแบบคนจีน ได้เดินมาถามผมว่า วันนี้ฉายหนังเรื่องอะไรซึ่งก็บอกไป แต่มองกลับมาอีกที่ไม่เจอแล้ว ซึ่งผมขนลุกไปหมด” นายบุญเชิด กล่าวด้วยรอยยิ้ม