และเป็นผู้ริเริ่มในการรวมแผ่นดินญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่นในช่วง "เซ็งโงคุ" หรือที่รู้จักกันในชื่อ "สงครามกลางเมือง" ในช่วงศตวรรษที่ 15

ทั้งนี้ แม้ว่า โนบุนางะ จะสิ้นชื่อไปนานกว่า 400 ปี แต่นามสกุล "โอดะ" ของเขาก็ยังสืบทอดและมีคนใช้ต่อมาจนถึงปัจจุบัน และหนึ่งในนั้นคือ โอดะ โนบุนาริ นักฟิกเกอร์สเก็ต ทีมชาติญี่ปุ่น

นี่คือเรื่องราวของ นักฟิกเกอร์สเก็ต ผู้สืบสายเลือดมาจากซามูไรในตำนาน ติดตามเรื่องนี้ไปพร้อมกับ Main Stand

นักฟิกเกอร์สเก็ตผู้อับโชค 

โนบุนาริ กับ ฟิกเกอร์สเก็ต ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมาตั้งแต่เขาจำความได้ เมื่อ โอดะ โนริโกะ แม่ของเขาเป็นอดีตนักฟิกเกอร์สเก็ต ทำให้คนในครอบครัวทั้งทั้งพี่ชายและน้องสาว ต่างเล่นกีฬานี้มาตั้งแต่สมัยเด็กๆ 

เขาเริ่มฉายแววในเส้นทางนี้ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ เมื่อเขาไปได้ไกลถึงอันดับ 8 ในศึกชิงแชมป์ญี่ปุ่นสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ในฤดูกาล 1998-1999 และสามารถไปไกลถึงอันดับ 4 ในการชิงแชมป์เยาวชนญี่ปุ่นเมื่อฤดูกาล 2001-2002 

ผลงานดังกล่าว ทำให้เขากลายเป็นนักฟิกเกอร์สเก็ตดาวรุ่งที่ถูกจับตามองหลังจากนั้น หลังคว้าเหรียญในระดับเยาวชนหลายรายการ ทั้งเหรียญเงินใน ไอเอสยู จูเนียร์ กรังด์ปรีซ์ เมื่อปี 2002-2003 รวมไปถึงเหรียญทองใน เวิลด์ จูเนียร์ แชมเปียนชิพ ในฤดูกาล 2005 

เส้นทางนักฟิกเกอร์สเก็ตอาชีพในช่วงแรกของเขาดูเหมือนจะรุ่งโรจน์ เพราะหลังจากประเดิมลงเล่นในรายการผู้ใหญ่เป็นครั้งแรกในปี 2005 เขาก็สามารถคว้าเหรียญได้ทันทีหลังคว้าอันดับ 3 ในรายการ NHK Trophy เช่นเดียวกับอันดับ 4 ในรายการระดับโลกอย่าง กรังด์ปรีซ์ไฟนัล 2005-2006 

นอกจากนี้ในปี 2006 ยังถือเป็นปีทองสำหรับ โนบุนาริ หลังคว้าแชมป์ในศึก Four Continents Figure Skating Championship ก่อนจะมีชื่อติดทีมชาติญี่ปุ่นไปแข่งในศึกเวิลด์แชมเปียนชิพที่แคนาดา และคว้าอันดับ 4 มาครอง 

อย่างไรก็ดี ชีวิตของเขาดูจะเฉียดไปเฉียดมากับตำแหน่งแชมป์ในระดับโลก แม้จะคว้าเหรียญในศึกกรังด์ปรีซ์รอบสุดท้ายมาได้หลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นเหรียญทองแดงหรือเหรียญเงินเท่านั้น

ผลงานที่ดีที่สุดของเขาหลังเทิร์นโปร น่าจะเป็นการคว้าเหรียญทองใน กีฬามหาวิทยาลัยโลกฤดูหนาวที่ตุรกีในปี 2011 ส่วนโอลิมปิกเคยติดทีมชาติหนึ่งครั้ง โดยได้เข้าร่วมการแข่งขันในโอลิมปิกฤดูหนาวที่ แวนคูเวอร์ แคนาดา ปี 2010 แต่ทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร จบในอันดับ 7 ของตารางคะแนน

และด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บ ที่รุมเร้ามาอย่างยาวนาว ทำให้หลังจากนั้นในปี 2013 โนบุนาริ ได้ประกาศวางมือจากการเป็นนักฟิกเกอร์สเกต ด้วยวัยเพียง 26 ปี 

ทว่าหนึ่งปีหลังจากนั้น ชื่อของเขาก็ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างอีกครั้ง

ทายาทซามูไร 

หลังเลิกเล่น โนบุนาริ ได้หายหน้าไปจากสื่ออยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งเขาได้ไปออกรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง ที่ทำให้ชื่อของเขาถูกพูดถึงอีกครั้ง เพียงแต่ไม่ใช่ในฐานะนักฟิกเกอร์สเก็ต 

ในเดือนกรกฎาคม 2014 เขาปรากฎตัวในรายการที่ชื่อว่า ザ！世界仰天ニュース ที่มี มาซาฮิโร นาคาอิ แห่งวง SMAP เป็นพิธีกร โดยเขาบอกว่า เขาคือทายาทสายตรงของ โอดะ โนบุนางะ ซามูไรในตำนานของญี่ปุ่น 

สำหรับคนญี่ปุ่น โอดะ ถือเป็นหนึ่งในซามูไรที่มีคุณูปการต่อประเทศ เพราะเขาคือผู้ริเริ่มในการรวบรวมญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่น เป็นหนึ่งในนักรบที่เก่งกาจที่สุดในประวัติศาสตร์ ก่อนจะมาเสียท่าโดนลอบสังหารโดยลูกน้องคนสนิทของตัวเอง 

อย่างไรก็ดี แม้ตัวตายแต่ชื่อของ โอดะ โนบุนางะ ก็ยังคงอยู่ และกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น เมื่อศิลปะร่วมสมัยอย่าง ละคร ภาพยนตร์ มังงะ อนิเมะ หรือเกมโทรทัศน์ ได้นำเขามาเป็นตัวละครหลักในสื่อต่างๆ 

โนบุนาริ กล่าวในรายการว่าเขาคือทายาทรุ่นที่ 17 ของโอดะ โดยสืบเชื้อสายมาจาก โอดะ โนบุทาคะ ลูกชายคนที่ 7 ของโนบุนางะ โดยนำผังของตระกูลมายืนยันในรายการ 

"เป็นเรื่องจริง (ที่เป็นทายาทของ โอดะ โนบุนางะ) เพราะผมมีผังของตระกูลอยู่" โนบุนาริ ตอบคำถามของนาคาอิในรายการ ザ！世界仰天ニュース

โดยในผังตระกูลที่เป็นการค้นพบโดย ชิเงฮารุ ปู่ของเขา ไล่เรียงมาตั้งแต่ โนบุนางะ ต่อด้วย โนบุทาคะ มาจนถึง ปู่ของเขาที่เป็นรุ่นที่ 14 ตามมาด้วย โนบุโยชิ พ่อของเขาที่เป็นรุ่นที่ 15 และเขาที่เป็นรุ่นที่ 17 ของตระกูล 

อย่างไรก็ดี ก็มีข้อสังเกตว่าในผังของตระกูลข้อมูลตั้งแต่รุ่นที่ 10, 11, 12 นั้นหายไป แต่ โนบุนาริ ก็ยืนยันว่าเขาคือทายาทตัวจริง ส่วนข้อมูลที่หายไป น่าจะเป็นเพราะสงครามที่ทำให้ไม่สามารถสืบค้นได้ 

"อาจจะเป็นเพราะสงคราม เลยทำให้ไม่สามารถรู้ตรงนี้ได้" โนบุนาริกล่าว 

นั่นทำให้เกิดคำถามว่าเขาคือทายาทของ โอดะ โนบุนางะ จริงหรือ?

ข้อมูลที่คลุมเครือ 

แม้ว่า โอดะ โนบุนาริ จะยืนยันว่าตัวเองคือทายาทสายตรงของ โอดะ โนบุนางะ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ตั้งคำถามว่าเขามีเชื้อสายของจอมมารฟ้าในตำนานของญี่ปุ่นจริงหรือไม่?

หนึ่งในนั้นคือเว็บไซต์ sengoku-his.com ที่เป็นเว็บไซต์ด้านประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ที่เขียนบทความชื่อว่า "นักฟิกเกอร์สเก็ต โอดะ โนบุนาริ คือทายาทของโนบุนางะจริงหรือ? และนี่คือการสืบจากสายเลือด"

ในบทความระบุว่า ตามที่ โนบุโนริ อ้างว่าเขาคือทายาทที่สืบเชื้อสายมาจาก โนบุทาคะ ลูกชายคนที่ 7 ของโนบุนางะ ซึ่งข้อมูลตรงนี้ตรงกับในประวัติศาสตร์ เพราะโนบุทาคะ คือหนึ่งใน 3 ลูกชายของโนบุนางะ ที่สามารถยืนยันว่ามีทายาทอยู่มาถึงสมัยเมจิเป็นอย่างน้อย 

และเมื่อเทียบผังครอบครัวก็พบว่า โอดะ นางาฮิโระ ที่เป็นรุ่น 9 ก็ตรงตามประวัติศาสตร์ แต่มันเป็นปัญหาเมื่อรุ่นที่ 10 ทั้งที่มีข้อมูลว่า นางาฮิโระ มีลูกที่ชื่อว่า โอดะ โนบุสะเนะ แต่กลับไม่มีชื่อนี้อยู่ในผังครอบครัวของ โนบุนาริ 

เพราะผังครอบครัวของเขา ที่ค้นคว้าโดย โอดะ ชิเงฮารุ นักประวัติศาสตร์สมัครเล่น ซึ่งเป็นปู่ของเขา ดันไม่มีข้อมูลของรุ่นที่ 10, 11 และ 12 ในขณะที่รุ่นที่ 13 ก็ไม่ได้ใส่เอาไว้ โดยให้เหตุผลว่าที่ไม่ได้ใส่เข้ามาเพราะอาจรบกวนญาติคนอื่น จึงทำให้ข้อมูลดูคลุมเครือมากขึ้น 

และมันก็ยิ่งดูไม่ชัดเจนขึ้นไปอีกเมื่อ โอดะ โนบุทาคะ ทายาทสายตรงรุ่นที่ 19 ของตระกูลโอดะ ที่สืบเชื้อสายมาจาก โอดะ โนบุคัตสึ ลูกชายคนที่ 2 ของ โนบุนางะ ซึ่งเป็นอีกฝั่งหนึ่ง ยืนยันว่าเขาไม่เคยรู้จักกับ โนบุโนริ เป็นการส่วนตัว 

โนบุทาคะ หรือชื่อในวงการ โอดะ โคอิจิ เคยตกเป็นข่าวเมื่อปี 2014 หลังยืนยันว่าจะไม่ตั้งชื่อลูกว่า "โนบุxx" ที่เป็นประเพณีของตระกูลที่สืบทอดมากว่า 400 ปี เนื่องจากไม่อยากให้ลูกโดนตัดสินจากชาติกำเนิด 

"ถ้าให้พูดตามตรง ตระกูลของผมและตระกูลของเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย ผมกับเขาก็ไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำ" โนบุทาคะกล่าวในบทความที่เขียนให้ Asahi Weekly

"(เรื่องที่โนบุนาริอ้างว่าเขาสืบเชื้อสายมาจากลูกชายคนที่เจ็ดของโนบุนางะ) ผมได้ยินมาว่ารุ่นตรงกลางมันไม่ชัดเจน แต่ผมก็ไม่สามารถตัดสินได้ว่าเรื่องของเขาเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง" 

นอกจากนี้ โนบุทาคะ ก็ตั้งข้อสังเกตุว่า หาก โนบุนาริ คือลูกหลานของ โนบุนางะ เหตุใดเขาจึงไปไหว้ขอพรที่วัดฮอนโนจิ เนื่องจากเป็นวัดที่ โนบุนางะ ถูก อาเคจิ มิตสึฮิเดะ ลูกน้องคนสนิทลอบสังหาร 

"จากมุมมองของผม มันมีสิ่งที่ไม่ทำน่าจะดีกว่า อย่างเช่นการไปไหว้ขอพรที่วัดฮอนโนจิเพื่อ 'ออกรบ' ก่อนโอลิมปิกที่แวนคูเวอร์ (2010)" โนบุทาคะกล่าวต่อ   

"มันคือสถานที่ที่แผนการที่จะรวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่นของโนบุนางะต้องล้มเหลว ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นความโชคดีสำหรับการแข่งขันหรอกนะ" 

หากเป็นทายาทของโนบุนางะจริง ย่อมรู้ดีว่านี่คือสถานที่ซึ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับคนในตระกูล เพราะมันเป็นเหมือนดังลานประหารของบรรพบุรุษ ซึ่งหากจะขอพรให้โชคดี น่าจะไปไหว้ขอพรในวัดที่เป็นมงคลกว่านี้ 

ในขณะเดียวกัน แม่ของโนบุนาริ เคยให้สัมภาษณ์กับรายการทีวีว่า ที่บ้านของพวกเขายังมีกฎห้ามนำดอกคิเคียว ซึ่งเป็นดอกไม้ที่อยู่ตราประจำตระกูลอาเคจิ เข้ามาในบ้าน แต่กลับไม่มีกฎนี้ในตระกูลโอดะที่เป็นตระกูลหลัก 

อย่างไรก็ดี กฎดังกล่าวยังมีอยู่บ้างในตระกูลโอดะที่ไม่ใช่สายตรง อย่างบ้านของ โอดะ ยูมิโกะ ที่สืบเชื้อสายมาจาก โอดะ อุระคุไซ ซึ่งเป็นตระกูลของลูกบุญธรรม ทำให้คาดการณ์ว่าบางที โนบุนาริ อาจจะไม่ใช่สายตรง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีข้อพิสูจน์ในเรื่องนี้

ประวัติศาสตร์ที่สืบค้นได้ 

แม้ว่าจะยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า โนบุนาริ คือทายาทตัวจริงของตระกูลโอดะ หรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ได้คือ ยังมีตระกูลซามูไรอีกมากมายที่มีทายาทสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน 

ไม่ว่าจะเป็นตระกูล โทคุงาวะ หนึ่งในตระกูลทรงอิทธิพลในสมัยเอโดะด้วยตำแหน่งโชกุน ที่มี โทคุงาวะ สึเนนาริ เป็นทายาทรุ่นที่ 18 หรือ ตระกูลชิมาสุ ตระกูลใหญ่แห่งเกาะคิวชู ที่มี ชิมาสุ โนบุฮิสะ ผู้บริหารบริษัทชิมาสุ เป็นหัวหน้าตระกูลในปัจจุบัน 

หรือล่าสุดที่เพิ่งเป็นข่าวฮือฮาคือ ดาเตะ คานาโกะ มิสเวิลด์ญี่ปุ่น 2018 ที่เป็นทายาทของ ดาเตะ มาซามูเนะ "มังกรตาเดียว" ที่เคยปกครองเซ็นไดในยุคสงครามกลางเมือง 

สิ่งนี้เป็นผลมาจากความเป็นคนชอบบันทึกของชาวญี่ปุ่นตั้งแต่ในอดีต ที่ทำให้พวกเขามีข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่สามารถสืบค้นได้ ชี้ให้เห็นที่มาที่ไปอย่างชัดเจน

และทำให้ชาวญี่ปุ่นมีหลักฐานที่พิสูจน์ให้เห็นว่า เรื่องเล่าในอดีตหรือบุคคลในประวัติศาสตร์นั้นมีอยู่จริง ไม่ใช่แค่ตำนานปรัมปรา หรือนิทานที่แต่งขึ้นมา