หลัง ผบช. ภ.2 เข้าร่วมประชุมรับฟังรายงานความคืบหน้าทางคดี ภายในห้องประชุมชั้น 2 ที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ร่วมกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง เป็นเวลานานกว่า 1 ชม. ก่อนที่จะออกมาเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าทางคดี
โดยพบอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และได้มีการเตรียมการไว้เพื่อที่จะทำการก่อเหตุอุ้มตัวผู้เสียหายไปเรียกค่าไถ่ ส่วนความชัดเจนในเรื่องของความขัดแย้งนั้น เป็นในเรื่องของทางธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องของเงินเหรียญทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ BitCoin ซึ่งมีการโอนไปโอนมา และมีการหักหลังกัน ซึ่งทาง พล.ต.ต.ชาคริต สวัสดี ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา กำลังตรวจสอบทางด้านการเงินอิเล็กทรอนิกส์ในระบบต่างๆ ทางด้านการเงินข้ามชาติไปทางสิงคโปร์ ในหลายๆ ทางด้วย ซึ่งคิดว่าจะได้ผลใน 1-2 วันนี้
สำหรับคนร้ายที่ร่วมขบวนการก่อเหตุนั้น เชื่อว่ามีไม่ต่ำกว่า 3 คน ต้องรอให้พยานหลักฐานต่างๆ ทั้งพยานวัตถุและพยานนักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้มาอย่างครบถ้วนก่อน จึงจะชี้แจงให้ทราบว่ามีใครเกี่ยวข้ออย่างไรบ้าง ตอนนี้เรามั่นใจว่าจะได้ตัวละครมาทั้งหมด และต้องจับผู้ต้องหาได้ และจะได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายคืนมา เพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย โดยตอนนี้ขอให้เกิดความถูกต้องชัดเจนก่อนเพื่อให้ชาวต่างชาติได้เห็นว่า เราทำงานกันแบบมืออาชีพ และสามารถจับกุมคนร้ายตัวจริงที่ถูกต้องมาลงโทษได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า วงเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้มีมูลค่าหมุนเวียนเท่าไหร่ เพราะจากกระแสข่าวทราบว่ามีประมาณ 4-5 ล้านบาท ทาง ผบช. ภ.2 ตอบว่า มีความเป็นไปได้เพราะมีอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่ต่างกัน ส่วนเงินที่ทางผู้เสียหายโอนไปเป็นเงินประมาณกว่า 1 ล้านบาท พล.ต.ท.มนตรี ระบุ
ขณะที่ พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีนี้ กล่าวว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำ นายคิม หัวหน้าแก๊งชาวสิงคโปร์ไว้เกือบเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว พร้อมเตรียมแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันปล้นทรัพย์ กักขังหน่วงเหนี่ยว และทำร้ายร่างกาย” รวม 3 ข้อหาไว้แล้ว หลังจากการสอบสวนมีความคืบหน้าไปมาก พล.ต.ต.ธีรพล กล่าว