สำหรับคนธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ คงมีคำตอบที่หลากหลาย แต่สำหรับนักกีฬาอาชีพ วัย 40 ปี ตามความเข้าใจของคนทั่วไป คือวัยที่พวกเขาน่าจะเลิกเล่น และนำความสามารถที่มีไปทำประโยชน์ให้กับตัวเองหรือสังคมในด้านต่างๆ กับบทบาทใหม่ๆ ได้แล้ว

สำหรับคนธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ คงมีคำตอบที่หลากหลาย แต่สำหรับนักกีฬาอาชีพ วัย 40 ปี ตามความเข้าใจของคนทั่วไป คือวัยที่พวกเขาน่าจะเลิกเล่น และนำความสามารถที่มีไปทำประโยชน์ให้กับตัวเองหรือสังคมในด้านต่างๆ กับบทบาทใหม่ๆ ได้แล้ว

แต่สำหรับ แมนนี่ ปาเกียว ยอดนักมวยสากลชาวฟิลิปปินส์ … คำว่า "แขวนนวม" ไม่เคยอยู่ในสารบบของเขา เพราะทุกวันนี้เขายังสนุกกับการสาวกำปั้นใส่คู่ชกไม่ว่าใครหน้าไหน แม้ปัจจุบันอายุอานามของเขาจะเข้าสู่หลักสี่เป็นที่เรียบร้อย ที่สำคัญก็คือ เขายังยืนระยะครบ 12 ยกได้อย่างสบายๆ

เหตุใด "แพคแมน" ถึงยังพร้อมเจอศึกหนักได้แบบสบายหายห่วงกันล่ะ?
 

เป็นปาเกียวมันเหนื่อย

สำหรับแฟนมวยทั่วโลก พวกเขาอาจจะรู้จัก แมนนี่ ปาเกียว ในฐานะยอดนักมวยสากล เจ้าของแชมป์โลก 8 รุ่นน้ำหนัก คนแรกและคนเดียวของโลก ที่ผ่านสังเวียนเลือดกับยอดนักมวยดังมาแบบไม่เกี่ยงว่าจะเป็นใครหน้าไหน นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นโด่งดังกับ ฉัตรชัย สาสะกุล หรือ ฉัตรชัย สามเคแบตเตอรี่ สู่โคตรมวยชื่อดังอย่าง ออสการ์ เดอ ลา โฮย่า, ริคกี้ ฮัตตัน และแน่นอน ... ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์

แต่สำหรับที่ฟิลิปปินส์ บ้านเกิดของเขา ปาเกียวไม่ได้เป็นเพียงยอดมวยเท่านั้น แต่เขาคือ "หมัดเด็ดของชาติ" หรือ"National Fist" ผู้ทำให้ชื่อประเทศหมู่เกาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้กลับสู่สายตาชาวโลก ไม่เพียงเท่านั้น แพคแมนยังเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น พร้อมทำทุกอย่างตราบที่ตัวเขาจะอำนวยเพื่อตอบแทนบ้านเกิด

สิ่งเหล่านี้เอง ทำให้กิจวัตรของปาเกียวนั้นแน่นเอี๊ยด เพราะนอกจากจะเป็นนักมวยอาชีพดีกรีแชมป์โลกแล้ว เขายังเดินหน้าเข้าสู่เส้นทางการเมือง ชนะการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร หรือ ส.ส. ระหว่างปี 2010-2016 ก่อนได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

ไม่เพียงเท่านั้น ปาเกียวยังเป็นคนที่มีงานเสริมเยอะแยะไปหมด เมื่อเขายังเจียดเวลามาเป็นนักบาสเกตบอลอาชีพ แถมยังเป็นผู้ก่อตั้ง มหาลีกา ลีกบาสเกตบอลกึ่งอาชีพ ที่มีกฎใช้ได้แต่นักบาสเกตบอลชาวตากาล็อกเท่านั้นเมื่อปี 2018 ส่วนงานในวงการบันเทิงหรือ? นักร้อง, นักแสดง … เขาเป็นมาหมดแล้ว

ด้วยกิจกรรมมากมายเช่นนี้ มันก็ส่งผลให้ตารางการซ้อมเพื่อขึ้นชกในแต่ละไฟต์น้อยลงเป็นธรรมดา โดยมีการเปิดเผยว่า การซ้อมของ แมนนี่ ปาเกียว ก่อนขึ้นชกในแต่ละไฟต์ในระยะหลัง กินเวลาเพียง 8 สัปดาห์ หรือ 2 เดือนเท่านั้น ซึ่งต่างจากนักมวยชื่อดังหลายราย ที่มักจะเข้าแคมป์ซ้อมก่อนขึ้นชกเป็นเวลา 12 สัปดาห์ หรือ 3 เดือน ยิ่งหากเทียบกับศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น ยอดนักชกขวัญใจชาวไทย ที่เข้าแคมป์ก่อนชกถึง 4 เดือนกว่าแล้ว ยิ่งเทียบกันไม่ได้เลย 

 

8 สัปดาห์อันแสนเข้มข้น

หักลบกันง่ายๆ เท่ากับว่า โปรแกรมซ้อมของปาเกียวนั้นน้อยกว่านักชกคนอื่นๆ ถึง 4 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน หรือถ้าเทียบกับ "เจ้าแหลม" ก็น้อยกว่าถึง 8 สัปดาห์ หรือ 2 เดือน ... ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อเวลาน้อยกว่า โปรแกรมก็ย่อมมีความเข้มข้น และหนักหน่วงกว่าด้วยเช่นกัน

โดยไฮไลท์ในเทรนนิ่งแคมป์ของปาเกียว ตามที่มีการเปิดเผยโดย เฟรดดี้ โรช เทรนเนอร์คู่บุญ รวมถึงทีมงานอีกหลายคนประกอบไปด้วย วิ่งทางราบ 30 นาที หรือราว 5 ไมล์ (8 กิโลเมตร) ในวันที่มีการลงนวมซ้อม ส่วนวันที่ไม่ลงนวม จะเปลี่ยนเป็นการวิ่งขึ้นเขา 1 ชั่วโมง ซึ่งจะได้ระยะทางราว 8-10 ไมล์ (13-16 กิโลเมตร), กระโดดเชือก 7 ยก (ยกละ 3 นาที) นอกจากนี้ ยังมีการเล่นท่าบริหารส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะส่วน Core Muscle หรือบริเวณลำตัวอย่างหนักหน่วงหลายร้อยครั้งในแต่ละวัน ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้ลำตัวแข็งโป๊ก โดนหมัดแล้วตัวไม่งอเป็นกุ้งเท่านั้น ยังช่วยในส่วนของพลังหมัดให้หนักหน่วงไม่แพ้สมัยหนุ่มๆ อีกด้วย

ส่วนในเรื่องของการลงนวม ต้องยอมรับว่า แพคแมนซ้อมเรื่องนี้อย่างหนักหน่วงจริงๆ เพราะถึงไฟต์ชิงแชมป์มวยสากลยุคนี้จะมีกำหนดเพียง 12 ยก ยกละ 3 นาที แต่โปรแกรมลงนวมซ้อมของปาเกียวนั้น ถูกกำหนดไว้ที่ 15 ยก ยกละ 3 นาที เหมือนไฟต์ชิงแชมป์ในอดีต ซึ่งหมายความว่านักชกจะต้องมีความอึดที่มากกว่าปกติ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการต่อยกระสอบทรายทั้งแบบ Speed Bag ที่ฝึกความเร็ว, การตอบสนองของหมัด และ Heavy Bag ซึ่งฝึกพลังหมัดถึงแบบละ 10 ยก แถมยังมีการชกลม หรือ Shadow Boxing อีก 8 ยกด้วย

 

สำคัญที่ดูแลตัว

แม้โปรแกรมการซ้อมจะเป็นไปอย่างหนักหน่วงอย่างที่เราได้เปิดเผยไปข้างต้น ถึงกระนั้น หลายคนคงสงสัยว่า "แค่ 8 สัปดาห์จะพอสำหรับการชก 12 ยกหรือ?"

ทว่าหากไปดูสถิติการชกในระยะหลังก็คงจะได้คำตอบ เพราะตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา ปาเกียวขึ้นชกมาทั้งสิ้น 15 ไฟต์ เฉลี่ยราว 1-2 ไฟต์ต่อปี ซึ่งก็ถือเป็นมาตรฐานปกติสำหรับมวยแม่เหล็กเช่นเขา สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้จะต้องเจอกับความพ่ายแพ้ถึง 4 ไฟต์ แต่มีเพียง 2 ไฟต์เท่านั้นที่เกมจบก่อนครบ 12 ยก นั่นคือไฟต์พ่ายน็อก ฮวน มานูเอล มาร์เกซ ในเดือนธันวาคม 2012 และไฟต์ชนะ TKO ลูคัส แมททิสเซ่ เดือนกรกฎาคม 2018 นอกนั้น ปาเกียวสามารถยืนระยะได้ครบ 12 ยกมาโดยตลอด ... เพียงเท่านี้ก็คงหมดคำถามแล้วกระมังว่า แคมป์ซ้อม 8 สัปดาห์สำหรับปาเกียวนั้น เพียงพอ

ส่วนคำถามที่ว่า เหตุใดปาเกียวถึงจัดโปรแกรมซ้อมของตัวเองแค่เพียง 8 สัปดาห์ก่อนขึ้นชก อเล็กซ์ อาริซ่า โค้ชความฟิตของ เฟรดดี้ โรช ที่ร่วมงานกับปาเกียวมาโดยตลอดเผยถึงเรื่องนี้ว่า "เพราะเขาต้องการรักษาไลฟ์สไตล์ที่มีสุขภาพดีไว้"

อาริซ่าเล่าต่อว่า ปกติแล้วเวลาที่อยู่ในช่วงพักจากการชก แพคแมนก็เป็นคนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเล่นบาสเกตบอล อีกหนึ่งกีฬาโปรดเสียจนเขาเคยเข้าสู่วงการนักแม่นห่วงอาชีพ (แม้จะประกาศเลิกเล่นระดับอาชีพไปแล้วตั้งแต่ปี 2018 ก็ตาม) ไม่เพียงเท่านั้น เขายังกินคลีน รับประทานอาหารที่มีประโยชน์อยู่เสมอ จะมาโหมกินหนักๆ ก็ตอนเข้าแคมป์ซ้อม ซึ่งตัวปาเกียวนั้นกินถึง 6 มื้อ บริโภคถึง 7,000 แคลอรี่ต่อวัน แต่ก็ใช้โปรแกรมซ้อมสุดเข้มข้นเผาผลาญได้จนหมด

การซ้อมอย่างหนักแม้ใช้เวลาในการเข้าแคมป์รวมน้อยกว่านักชกหลายคน ตลอดจนการดูแลตัวเองอยู่เสมอ ทำให้แม้ในวัย 40 ปี ณ ปัจจุบัน แมนนี่ ปาเกียว ยังคงมีร่างกายที่ฟิตปั๋ง จนแม้แต่ เฟรดดี้ โรช ยังทึ่ง ต้องเอ่ยปากชมว่า"ถึงเขาจะอายุ 40 ปีแล้ว แต่ยังซ้อมและชกได้เหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็นมา ราวกับว่าเขายังอายุแค่ 21 ปี"

"เขาอยู่ในสภาพที่ดีมากนะ เคลื่อนไหวได้ดี ชกได้ไม่ไม่มีปัญหา ตอนกลับมาที่แคมป์ซ้อมเนี่ย เขาดูดีกว่าที่เราคิดไว้อีก สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ทำให้ทุกอย่างมันควบคุมได้สำหรับไฟต์ที่กำลังจะมาถึงแค่นั้นเอง" นี่คือสิ่งที่เทรนเนอร์คู่บุญของปาเกียวเล่า ก่อนที่ศิษย์รักคนนี้จะขึ้นชกชิง "ซูเปอร์แชมป์" รุ่นเวลเตอร์เวต 147 ปอนด์ ของสมาคมมวยโลก WBA จาก คีธ เธอร์แมน แชมป์ไร้พ่ายจากสหรัฐอเมริกา 

เรื่องราวการซ้อม, การใช้ชีวิต รวมถึงปากคำจากผู้ที่เกี่ยวข้อง น่าจะทำให้คุณๆ หายสงสัยแล้วว่า เหตุใด แมนนี่ ปาเกียว ที่แม้จะเริ่มสูงวัยและซ้อมน้อย ยังสามารถยืนระยะได้ครบการชก 12 ยกอย่างไม่มีปัญหา แต่สำหรับคำถามที่ว่า เขาจะยังคงชกมวยต่อไปถึงเมื่อไหร่นั้น บางทีคงมีแต่ตัวเขาเองเท่านั้นแหละที่จะให้คำตอบได้ ...

แต่ระหว่างนั้น ก็ขอให้ทุกคนมีความสุขกับไฟต์ที่แพคแมนขึ้นสังเวียนก่อนก็แล้วกัน