ด้าน พ.ต.อ.จิระวุฒิ ตัณฑศรี ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้มีการสอบปากคำพยานที่เป็นสมาชิกที่ขับรถแท็กซี่อยู่ในคิวเดียวกันกับนายสมชาย โดยเบื้องต้นทราบว่า นายสมชายอดีตเคยเป็นคนขับรถแท็กซี่รับจ้างที่คิวบิ๊กซี แต่ด้วยสุขภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง อายุมาก เป็นคนที่ขี้น้อยใจและค่อนข้างเก็บกด ประกอบกับรถแท็กซี่ที่หมดอายุจึงหายไปนาน แต่ด้วยความคุ้นเคยกับผู้ดูแล จึงขอกลับมาขับรถอีกครั้งเมื่อราว ๆ 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็มารับจ้างขับแท็กซี่บ้างเป็นครั้งคราว
พ.ต.อ.จิระวุฒิ กล่าวต่อว่า แต่ด้วยสภาพของตัวรถที่ไม่ถูกต้อง ทางเพื่อน ๆ สมาชิกจึงพยายามเตือนให้นายสมชายไปดำเนินการให้ถูกต้อง มีการกดมิเตอร์ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งนายสมชายก็มักจะไม่ใช้วิธีการดังกล่าว จึงได้มีการพูดคุยกันในประเด็นนี้เรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมาเกิดเหตุก็มีข้อมูลยืนยันได้ว่า นายสมชายมาหาที่คิวแล้วก็มีการพูดคุยกันในประเด็นเดิมอีก จึงทำให้นายสมชายเกิดอาการฉุนเฉียวแล้วก็ขับรถออกไป ก่อนที่จะวนกลับมาพร้อมกับไฟที่ลุกไหม้รถยนต์ จากนั้นก็ไหลไปชนกับรถแท็กซี่ที่จอดไว้
พ.ต.อ.จิระวุฒิ กล่าวอีกว่า จากการสอบปากคำผู้ใกล้ชิดกับนายสมชายนั้น ก็ยืนยันได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับอิทธิพลหรือมาเฟียภายในคิวรถแท็กซี่แต่อย่างใด แต่ทั้งหมดเกิดจากความน้อยใจของนายสมชายทั้งสิ้น จนก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวขึ้นมา โดยในรถยังพบขวดที่มีน้ำมันเหลืออยู่ พร้อมกับไฟแช็คในมือด้วย และช่วงที่เกิดเหตุภรรยากับลูกเขยก็ตามมาอยู่ตรงนั้น จึงยืนยันได้ว่าไม่ได้เกิดเหตุจากบุคคลอื่นที่มาทะเลาะเบาะแว้งด้วย
ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร กล่าวว่า ส่วนเรื่องของการสอบปากคำเพิ่มเติมนั้น ด้วยคดีนี้เป็นคดีชันสูตรพลิกศพ ดังนั้นจึงจะต้องมีการทำการสอบสวนในสำนวนชันสูตรพลิกศพอยู่แล้ว คือ มีการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้อง สอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ เพื่อสรุปสำนวนส่งไปยังอัยการ ขณะที่ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตก็ยังไม่มีการร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบเรื่องอื่นใดภายในคิวรถแท็กซี่เพิ่มเติม