(21 เม.ย.63) พ.ต.ท ปรีชา ภู่เพียร พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอวังทอง จ.พิษณุโลก รับแจ้งมี อุบัติเหตุรถยนต์เก๋ง โตโยต้า โคโรน่า สีขาว หมายเลขทะเบียน 4490 พิษณุโลก เฉี่ยวชนกับ รถยนต์กระบะโตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ สีเหลือง (รถกรมทางหลวงชนบท) หมายเลขทะเบียน 439 พิษณุโลก จุดเกิดเหตุทางหลวงชนบท หมายเลข 2015 (บ้านวังนกแอ่น - เนินสว่าง ) กม.ที่ 9 บ้านห้วยไผ่ ม.8 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก มีผู้เสียชีวิต 1 ราย จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยบูรพา
ในที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตชาย 1 ราย สวมเสื้อแขนยาวสีส้ม กางเกงขายาวสีน้ำตาล นอนคว่ำหน้าอยู่ข้างรถยนต์เก๋ง มีบาดแผลทั่วไปตามร่างกายและพบขาของผู้เสียชีวิตทั้งสองข้างขาด ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายชลอ อายุ 64 ปี คนงานของกรมทางหลวงชนบท ส่วนคู่กรณี คือ พระจิรวัฒน์ อายุ 41 ปี เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งใน ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
จากการสอบสวนในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า พระจิรวัฒน์ อายุ 41 ปี กำลังขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า โคโรน่า สีขาว มุ่งหน้าเข้าตัวอำเภอวังทอง เพื่อจะไปซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างมาทำห้องน้ำวัด และเมื่อขับมาถึงจุดเกิดเหตุ ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีการตีเส้นการจราจร ผู้เสียชีวิตกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้านหลังรถยนต์ปิคอัพที่จอดอยู่ไหล่ทาง แต่เกิดแซงไม่พ้นเพราะมีรถอีกคันขับสวนทางมาจึงหักรถหลบ และรถได้เสียหลักไปพุ่งชน นายชลอ ที่ยืนผสมสีอยู่ท้ายกระบะรถกรมทางหลวงชนบทอย่างจังจนเป็นเหตุให้นายชะลอฯ ขาขาดทั้ง 2 ข้างและเสียชีวิตในที่สุด
หลังเกิดเหตุ พระจิรวัฒน์ซึ่งอยู่ในการตกใจได้ยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในจุดเกิดเหตุ พร้อมให้การว่า มองไม่เห็น รถที่จอดอยู่ด้านหน้าและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ จึงพุ่งเข้าชนอย่างจัง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัว ทำการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง พร้อมกับเตรียมดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนศพทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยบูรพาได้นำร่างผู้เสียชีวิตส่งนิติเวชโรงพยาบาลวังทองเพื่อทำการชันสูตรและมอบให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดบางสะพาน อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ทางครอบครัวและญาติพี่น้องของนายชลอ ผู้เสียชีวิต ได้จัดเตรียมศาลาเพื่อประกอบพิธีรดน้ำศพและสวดพระอภิธรรมศพผู้เสียชีวิตเป็นค่ำคืนแรก ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้ตายเป็นเสาหลักของครอบครัวและเป็นคนดีของหมู่บ้าน อีกทั้งยังทำหน้าที่อาสาตำรวจบ้านอีกด้วย ทั้งนี้นายชลอซึ่งเป็นลูกจ้างของกรมทางหลวงชนบทได้เกษียณแล้ว แต่ทางหน่วยงานยังว่าจ้างให้ทำงานต่อเพราะเป็นคนขยันขันแข็ง ช่วยเหลืองานที่ได้รับมอบหมายเป็นอย่างดี
ด้าน น.ส.อรุณศรี อายุ 48 ปี น้องสาวผู้เสียชีวิต กล่าวด้วยความโศกเศร้าว่า วันนี้มารู้ข่าวร้ายของพี่ชายว่าประสบอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติหน้าที่จนเสียชีวิต ตนเองรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากทำอะไรไม่ถูก เพราะมักจะเจอพี่ชายทุกวันเสาร์ จะนัดกันมากินข้าวที่บ้านกับครอบครัวเป็นประจำ ซึ่งพี่ชายเป็นเสาหลักของครอบครัวของดูแลทุกอย่าง และมีลูกสาวอยู่หนึ่งคนเพิ่งทราบข่าวกำลังเดินทางมาจาก จ.ภูเก็ต เพื่อมาร่วมพิธีฌาปนกิจศพของพ่อ ที่ทางวัดขอให้สวดพระอภิธรรมศพแค่ 2 คืนเท่านั้น เนื่องจากขณะนี้อยู่ในระหว่างการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ทางครอบครัวก็ทราบดีไม่ได้ขัดแต่อย่างใด
นอกจากนี้ทางหน่วยงานต้นสังกัดก็มอบเงินทำบุญช่วยเหลือมาให้จำนวนหนึ่ง แต่ที่ยังค้างคาใจในประเด็นของคู่กรณีที่เป็นพระเจ้าอาวาสวัด ทำไมถึงขับรถเก๋งด้วยตนเองได้ เพราะน่าจะมีลูกศิษย์ขับให้และผิดวินัยสงฆ์ทำให้ชาวบ้านติเตียนได้ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป