จากการแข่งขันชิงแชมป์โลกเมื่อปี 2003 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ได้รับการเลื่อนยศจากร้อยเอก ไปสู่ยศ พันตรี อย่างเป็นทางการ จากการประกาศล่าสุดของการกองทัพไทย เมื่อวันที่ 16 เมษายน 63
ล่าสุด สมจิตร จงจอหอ อดีตนักชกวัย 45 ปีได้กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจกับการได้รับการเลื่อนยศในครั้งนี้ หลังจากรับราชการทหารบกมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่สมัยติดยศนายสิบ และขอบคุณกีฬามวย ที่ทำให้ตนเองก้าวมาถึงตรงจุดนี้ เพราะหากตนเองไม่ได้เป็นนักมวย คงไม่มีโอกาสเข้ารับราชการทหารอย่างแน่นอน
และที่สำคัญก็คือ การได้เป็นทหารของพระราชา นับเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจแก่ตนเองและวงศ์ตระกูล อย่างหาที่สุดมิได้
กำปั้นเจ้าของวลี "ผมเจ็บมาเยอะ" ได้กล่าวต่อว่า หลังจากแขวนนวมตอนคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2008 ตนได้ตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสืออย่างเต็มที่ จนจบปริญญาดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง พร้อมกับได้รับการเลื่อนขั้นจากนายทหารชั้นประทวน ขึ้นสู่การติดดาวเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ตลอด 9 ปีของการติดยศนายร้อย ตนเองตั้งใจเรียนหลักสูตรนายพันอย่างเต็มที่ เพื่อความก้าวหน้าในอาชีพ ก่อนที่จะได้รับการประดับยศเป็นนายพันในที่สุด
อดีตนักชกชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ได้กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ เตรียมที่จะเรียนหลักสูตรนายทหารเสนาธิการต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเป็นปีหน้า เพื่อที่จะพัฒนาตัวเองในอาชีพนี้ให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้
สำหรับ สมจิตร จงจอหอ เริ่มต้นการเป็นนักมวย ด้วยการเป็นนักมวยไทยมาก่อน โดยใช้ชื่อว่า ศิลาชัย ว.ปรีชา แต่ไม่ประสบความสำเร็จกับการชกมวยไทยแต่อย่างใด จึงเปลี่ยนเส้นทางชีวิตมาชกมวยสากลสมัครเล่น ก่อนจะกลายเป็นนักมวยสากลสมัครเล่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย จากผลงานการคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2008, เหรียญทองชิงแชมป์โลก 2003, เหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2002, เหรียญทองมวยทหารโลก 2007 และเหรียญทองซีเกมส์อีก 4 สมัย