.......ปัจจุบันมวยไทยกำลังเริ่มเข้าสู่ยุคธุรกิจเต็มตัว นักมวยเริ่มมีมูลค่า ค่ายมวยเริ่มมีการทำการตลาดมีการขายสินค้าเกี่ยวกับมวยมากขึ้น มีการหาผู้สนับสนุนหลัก ค่ายมวยเล็กๆรากหญ้าจะเริ่มทยอยหายไป เพราะสู้ค่าใช้จ่าย ค่าเดินทางไม่ไหว จะมีตัวแทนค่ายใหญ่ๆ(นายหน้า หรือเอเย่นต์) เข้าไปติดต่อ แล้วก็พูดว่าเห็นแก่อนาคตเด็กมันเถอะ เพื่ออนาคตนะ แล้วก็เทคโอเวอร์(ซื้อ)ไปอยู่ค่ายใหญ่ นักมวยดังๆ มีชื่อ จะถูกเทคโอเวอร์ไปอยู่ร่วมกันเองในค่ายใหญ่ๆ ทำให้มวยเริ่มตันคู่ไปเรื่อยๆซึ่งเป็นเรื่องจริงที่ต้องยอมรับกัน ส่วนโปรโมเตอร์ก็ต่างหามวยเข้าศึก มีย้ายเข้าย้ายออกเป็นธรรมดา(แต่มักทำใจกันไม่ได้เวลามวยย้ายออก) ถ้าโปรโมเตอร์รักและสามัคคีกันจริง เราจะได้ดูคู่มวยดีๆอีกมากมาย เพียงแค่โปรโมเตอร์หลักๆยอมลดฐิฑิหันหน้าเข้าคุยกัน ประกบคู่มวยสวยๆต่างศึก แล้วจับสลากคู่มวยแบ่งกันจัดอย่างเหมาะสม ส่วนเรื่องกรรมการ พูดไปก็เหมือนเหน็บคนในวงการมวยด้วยกันเอง ท่านว่ากรรมการไม่ยุติธรรม แล้วไม่ใช่คนในวงการมวยกันเองนี่หรือ ที่จ้างกรรมการ คนนอกที่ไหนจะมาจ้าง ก็คนเล่นนี่แหละ ท่านยังไม่มีใจบริสุทธิ์กันเองเลย ทางด้านสนามมวย ในความเป็นจริง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าพนักงาน มันเป็นตัวเลขตายตัว จัดนัดหนึ่งใช้เงินเท่าไหร่ ท่านสามารถแจงได้ ถ้าต้นทุน 5-6 หมื่น เก็บโปรโมเตอร์สัก 8-9 ก็คงไม่มีโปรโมเตอร์คนไหนร้อง แต่ถ้าเก็บค่าโน่นค่านี่เพิ่มตลอด มันก็ไปไม่รอดด้วยกัน ส่วนตัวผม เป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆในวงการมวย และก็ตั้งใจทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด ทั้งทำมวยและจัดมวย ไม่คิดมีปัญหากับใคร ผมมีจุดยืนในการทำมวยของผม ไม่ย้ายศึกไปย้ายศึกมา นอกจากท่านจะไม่จัด หรือไม่สนับสนุนมวยผม ทุกวันนี้ถึงผมจะไม่รวย แต่ก็เดินเข้าเวทีอย่างสง่าผ่าเผย เพียงแค่อยากให้วงการมวยเดินต่อไปได้แค่นั้นเอง