จากที่นักการเมืองได้ให้สัมภาษณ์ถึงกองทัพ ในเรื่องการบริหารงานจัดการเรื่องของผลประโยชน์ในกองทัพทุกกองทัพ จนทำให้กองทัพต้องวางแนวทางในการเปลี่ยนแปลงของหน่วยงานราชการโดยเวทีมวยได้มีการว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาบริหาร
กองทัพอากาศ เปิดซองประมูล ปรากฏว่า เสี่ยฮุย นายสุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ ผู้บริหารนครหลวงโปรโมชั่น ได้เป็นผู้บริหารสนามมวยเยาวชนกองทัพอากาศ
โดยอีกฝั่งหนึ่งเป็นเวทีมวยลุมพินีที่ล่าสุด พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ลงโทษทางจริยธรรมและวินัย กับผู้บริหารสนามมวยลุมพินี ภายใต้การนำของ พล.ต.ราชิต อรุณรังษี เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ที่ฝ่าฝืนคำสั่งหรือนโยบายเกี่ยวกับการป้องกันการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 หลังจากจัดการแข่งขันมวยไทยเมื่อวันที่ 6 มีนาคม จนพบความบกพร่อง ไม่สามารถควบคุมโรคโควิด-19 ได้ตามที่คาดไว้จนทำให้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก
เวทีมวยลุมพินีก็เริ่มมีความชัดเจนออกมาให้เห็นกับการยื่นซองประมูลของ บริษัทซี.พี. ที่น่าจะได้เป็นผู้บริหารเวทีมวยลุมพินีโดยไม่มีคู่แข่งขัน เพราะมีการประมูลแต่เพียงผู้เดียว รอเพียงความชัดเจนในการเข้ามาบริหารสนามมวยลุมพินีอีกครั้ง
รองอ๊อด สารคาม มองว่า ถ้าเป็นเอกชนเข้ามาบริหาร จัดการที่ดี ก็น่าจะมีการพัฒนา ในเรื่องของการจัดการแข่งขันของแต่ละสนาม ไม่ว่าจะเป็นเวทีมวยลุมพินีที่หากว่าบริษัทซี.พี.ได้เข้ามาบริหารจัดการ ก็จะมีศึกเพชรยินดีที่เป็นแม่ทัพอาจจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบวงการมวย
หรือสนามมวยเยาวชนกองทัพอากาศที่มี เสี่ยฮุย นครหลวงโปรโมชั่น ที่ชนะการประมูลเข้ามาบริหารอาจจะมีพันธมิตรในวงการมวย โปรโมเตอร์คนดังหลายคนมาร่วมจัดการแข่งขัน
เอาเป็นว่าสนามมวยแต่ละสนามจะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน ผู้ได้รับผลประโยชน์โดยตรงคงหนีไม่พ้น ผู้บริโภค หรือแฟนมวยทั่วทั้งประเทศอย่างแน่นอน
ต่อไปนี้จะเป็นบทพิสูจน์ของการเข้ามาเริ่มต้นใหม่หลังโควิดหายว่า เอกชน จะบริหารวงการมวยได้ดีกว่าหน่วยงานราชการ จริงหรือเปล่า..!!!