แต่ยังมีดาวรุ่งพุ่งแรงหน้าใหม่ๆ ผงาดขึ้นมาสร้างชื่อบนเวทีระดับโลก ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงคู่รักจอมแกร่ง อย่าง แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ และ รถถัง จิตรเมืองนนท์ ที่ต่างมีดีกรีแชมป์สังเวียน ONE Championship ทั้งคู่
ในขณะเดียวกัน แม้จะยังไม่ใช่นักกีฬายอดนิยมระดับโลก แต่ริกะ อิชิเกะ และครูตอง ชนนภัทร วิรัชชัย ก็ถือเป็นสองนักกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) ที่ดีที่สุดของไทย และมีความโด่งดังไม่แพ้กัน
นับตั้งแต่โรคโควิด-19 ระบาดจนทำให้เกิดการล็อกดาวน์ไปทั่วโลก แน่นอนว่านักกีฬาศิลปะการต่อสู้ก็ได้รับผลกระทบนี้ เมื่อพวกเขาไม่สามารถดำเนินชีวิตในวิถีปกติได้ และต้องมีการเปลี่ยนรูปแบบการฝึกซ้อมไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ด้วยสภาวการณ์ที่ต้องถูกกักตัว ห้ามออกไปยังที่สาธารณะหรือบริเวณที่มีผู้คนแออัดโดยไม่จำเป็น พวกนักกีฬาก็เหมือนกับคนทั่วไป ที่มีโอกาสได้ใช้เวลานี้ทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนที่บ้าน นอกเหนือจากการเข้ายิมฝึกซ้อม ยกตัวอย่างเช่น ดูโทรทัศน์, ชมภาพยนตร์, ฟังพอดแคสต์, อ่านหนังสือ หรือในกรณีของรถถัง ที่ได้ใช้ช่วงเวลานี้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆเช่นกัน
"ผมยังซ้อมตลอดนะ แต่ก็มีเวลาพักมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ผมยังมีเวลาได้เจอกับแสตมป์มากขึ้น เราได้ดูหนัง ฝึกทำอาหารด้วยกัน และก็มีโอกาสช่วยคุณพ่อแสตมป์ดูแลสวนทุเรียน แล้วก็ซ้อมมวยไทยกับน้องชายของแสตมป์ด้วย"
สำหรับแฟนๆ ที่ต้องการเคล็ดลับการซ้อมของรถถังในช่วงล็อกดาวน์แบบนี้ เขาก็เผยตรงๆว่าไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย
"วิ่งเลยครับ! วิ่งคือการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุดแล้ว เช้าหรือเย็นก็ได้ วันละ 30 นาที ตอนนี้ผมเริ่มไลฟ์อินสตาแกรมด้วย แต่ก็ไม่มีเวลาที่แน่นอนอะไรนะ แฟนๆสามารถติดตามผมได้ที่ @rodtang_jimungnon นะครับ"
และเนื่องจากที่ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในช่วงนี้ ทำให้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่กิจวัตรประจำวันของแสตมป์จะไม่ต่างกับรถถัง
"ชีวิตประจำวันในช่วงนี้ก็คล้ายกับช่วงที่ไม่มีรายการแข่ง แต่หนูจะมีเวลาว่างมากขึ้น ได้ลองทำอาหารเหมือนกัน และมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น นอกเหนือจากการลงนวมกับน้องชายและรถถัง หนูก็ยังวิ่งและวิดพื้นด้วย"
นอกจากนี้ แสตมป์ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่หลายคนคงไม่ประหลาดใจเท่าไร คือการร้องคาราโอเกะ เป็นที่ทราบกันดีในวงการว่า แสตมป์ชอบดนตรีและการเต้นมาก ภาพของเธอเวลาเต้นแบบจัดเต็มในช่วงเปิดตัวก่อนขึ้นสังเวียน และการชนะน็อกคู่แข่งคือเอกลักษณ์ประจำตัว เธอทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ และแน่นอนว่าเธอคิดถึงบรรยากาศเหล่านั้น
"หนูคิดถึงเวที ONE Championship หนูคิดถึงกองเชียร์ หนูอยากขึ้นชกอีกครั้งให้เร็วที่สุดเลย"
หากแฟนๆอยากติดตามความเคลื่อนไหวของกำปั้นสาววัย 22 ปีรายนี้ ก็ตามไปได้ที่เฟซบุ๊ก @Stamp Fairtex และอินสตาแกรม @Stamp_Fairtex
ด้านริกะ สาวสวยร่างเล็ก มีผู้ติดตามในเฟซบุ๊ก @Rika "Tiny Doll" Ishige และอินสตาแกรม @rikatinydoll ร่วมกว่า 300,000 คน เธอมักจะโพสต์คลิปการออกกำลังกายและกิจกรรมต่างๆที่เธอทำให้แฟนคลับได้ติดตามอย่างเป็นประจำ
"ริกะจำเป็นต้องเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันของตัวเอง ต้องหันมาเน้นชกลมและออกกำลังกายในบ้านมากขึ้น ริกะคิดว่ามันสำคัญนะที่ต้องยอมรับสถานการณ์และปรับตัวให้เข้ากับมัน คือริกะต้องทำให้ตัวเองรักษาความฟิตไว้เหมือนเดิมจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ตั้งแต่ประกาศล็อกดาวน์ ริกะก็เหมือนถูกบังคับให้ปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันใหม่ กลายเป็นต้องตื่นเช้าขึ้น ทานอาหารให้ตรงเวลา แต่นั่นก็ทำให้ริกะก็มีเวลาให้ตัวเองมากขึ้นด้วยค่ะ"
ในช่วงที่ไม่ได้ออกกำลังกาย สาวริกะเองก็หากิจกรรมอย่างอื่นทำ เช่น การอ่านหนังสือ และทำอาหาร ซึ่งเธอเองก็หวังให้แฟนๆรับมือและผ่านสถานการณ์นี้ไปได้
"อย่าเครียดกันมากนะคะ ริกะแนะนำให้ทุกคนพยายามหากิจกรรมที่ตัวเองชอบ ยกตัวอย่างตอนนี้ หลายคนกำลังเป็นเชฟ บางคนก็เต้นเพื่อสร้างความบันเทิง แต่อย่างไรก็ตาม อย่าลืมออกกำลังกายกันด้วยนะคะ"
ส่วน ชนนภัทร มีแฟนคลับในเฟซบุ๊ก @Shannon 'OneShin' Wiratchai และอินสตาแกรม @ShannonOneShin ร่วม 50,000 คน ถือเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่น่าติดตามมากที่สุดในแง่มุมของการฝึกซ้อมที่บ้าน
"ช่วงนี้เวลาทั้งหมดของผมหมดไปกับการฝึกซ้อม, เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ รวมถึงโพสต์ให้ความรู้และเคล็ดลับต่างๆกับแฟนคลับในเฟซบุ๊ก แต่บางครั้งผมก็มีเล่นเกมบ้าง ชีวิตประจำวันของผมเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก เพราะว่าผมอยู่ได้แต่ในบ้าน ผมเลยต้องจัดห้องใหม่ให้เหมาะแก่การออกกำลังกาย แต่เพราะห้องผมมันมีขนาดเล็กกว่ายิม ผมก็เลยต้องมีระเบียบวินัยมากขึ้นทั้งการฝึกซ้อมและการใช้ชีวิตประจำวัน"
สำหรับคำแนะนำในการฝึกซ้อมที่บ้าน ชนนภัทรกล่าวว่า "ถ้าจะออกกำลังกายที่บ้าน การชกลม คือสิ่งที่ง่ายที่สุด แต่คุณต้องทำอย่างต่อเนื่อง 30 นาทีนะ มันจะช่วยในเรื่องระบบการหายใจ และเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเผาผลาญไขมัน แถมยังดีต่อการปรับปรุงประสิทธิภาพของคุณด้วย"
ในมุมของแฟนๆ ต่างก็หวังจะได้เห็นพวกเขาเหล่านี้กลับมาขึ้นสังเวียนได้อีกครั้งในเร็ววัน และจากการที่ได้รับรู้ถึงการฟิตซ้อมที่บ้านอย่างเข้มข้น ก็ทำให้เชื่อได้ว่า หากถึงเวลานั้นอีกครั้ง พวกเขาก็จะยังระเบิดฟอร์มเก่งได้น่าตื่นตาตื่นใจเช่นเคย