ฝ่ายปกครองอำเภอบ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ร่วมกับตำรวจ สภ.บ้านด่าน จับพระเมาโวยวาย ขับเก๋งข้ามส่ายไปมาบนท้องถนน เป่าแอลกอฮอล์พุ่งถึง 248 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ อ้างระบายแค้นถูกผู้ใหญ่บ้านแย่งเมีย บอกถูกจับเมาขับจะซักเท่าไหร่ ไม่สำนึกขึ้นเสียงท้าทายเจ้าคณะอำเภอบอกไม่กลัว “สึกได้ก็บวชใหม่ได้”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (13 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ ต.ปราสาท ว่า มีพระเมาสุราแสดงอาการโวยวาย ทั้งยังขับรถเก๋งด้วยความเร็วส่ายไปมาระหว่างบ้านตะโกตาเนตร กับบ้านเกษตรพัฒนา ต.ปราสาท อ.บ้านด่าน เกรงจะเกิดอุบัติเหตุ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอบ้านด่าน ร่วมตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง 

เมื่อไปถึงหมู่บ้านบ้านตะโกตาเนตร ต.ปราสาท อ.บ้านด่าน ก็พบพระรูปหนึ่ง สอบถามทราบชื่อคือ พระจิรพงษ์ หรือ พระปึง อายุ 51 ปี ยืนอยู่กลางถนนด้วยอาการมึนเมา ส่วนรถเก๋งก็จอดอยู่ในบ้านหลังหนึ่งใกล้จุดที่พระจิรพงษ์ ยืนอยู่ซึ่งน่าจะเป็นบ้านญาติของพระจิรพงษ์

พอเจ้าหน้าที่เข้าไปสอบถามพระจิรพงษ์ก็แสดงอาการโวยวายใส่เจ้าหน้าที่ จับใจความได้ว่า “ผู้ใหญ่บ้านกับตนเองมีแผลอะไรกันอยู่ แค่นั้นแหละโยม ก่อนจะตะโกนไล่เจ้าหน้าที่ออกไป”

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง จึงเชิญตัวพระจิรพงษ์ ไปทำการสึกเนื่องจากดื่มสุรามึนเมา และขับรถขณะมึนเมา แต่ขณะนำตัวไปให้เจ้าคณะอำเภอบ้านด่านทำการสึก ก็ยังแสดงอาการโวยวายขึ้นเสียงท้าทายใส่เจ้าคณะอำเภอ ว่า “ไม่กลัวหรอกหลวงพ่อ สึกได้ก็บวชใหม่ได้” แถมยังบอกว่าเมาแล้วขับรถถูกปรับถูกดำเนินคดีหรือปรับซักเท่าไหร่กัน

หลังจากสึกเสร็จก็ได้นำตัวไปที่ สภ.บ้านด่าน เพื่อสอบปากคำ และตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ ซึ่งจากการเป่าวัดระดับแอลกอฮอล์พบปริมาณสูงถึง 248 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จากที่กฎหมายกำหนดไว้ห้ามเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

จากการสอบถาม อดีตพระจิรพงษ์ บอกว่า ตนเป็นคนใน ต.ปราสาท อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ แต่ไปบวชเป็นพระแล้วไปจำวัดที่วัดแห่งหนึ่งใน ต.ช้างเผือก อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ยอมรับว่าได้ดื่มสุราจริง เนื่องจากเพราะเครียดที่ถูกผู้ใหญ่บ้านแย่งอดีตภรรยา แล้วไปอยู่กินกับแบบเปิดเผย ส่วนที่ขับรถกลับมาบ้านขณะมึนเมา เพราะต้องการจะมาเคลียร์กับญาติ เรื่องที่นาที่ญาตินำไปจำนองโดยไม่บอก  

หลังสอบเสร็จ ร.ต.อ.ปรีชาศักดิ์ ศักยปรีชา รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.บ้านด่าน ก็ได้แจ้งข้อหาเมาแล้วขับ พร้อมทำเรื่องส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์เรียบร้อยแล้ว