เมื่อเวลา 17.20 น. (5 พ.ค.63) พ.ต.ท.ชัยวิชิต มาตย์เหลือง สว.(สอบสวน)สภ.ป่าติ้ว พร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.ป่าติ้ว นำตัว นายทศพร อายุ 43 ปี เข้าทำแผนประกอบคำรับสารภาพหลังจากที่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมานายทศพร ทำร้าย นางพัฒณี อายุ 51 ปี ผู้เป็นภรรยา จากนั้นนำร่างนางพัฒณี มาจัดฉากอำพรางคล้ายคนผูกคอตายที่ห้องครัวของบ้านหลังเกิดเหตุ โดยแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
สืบเนื่องจากพนักงานสอบสวน สภ.ป่าติ้ว รับแจ้งเหตุเมื่อเวลา 05.00 น.ของวันที่ 5 พ.ค.ว่ามีหญิงผูกคอเสียชีวิตภายในห้องครัวของบ้าน หมู่ 2 บ้านโพธิ์ศรี ต.โพธิ์ไทร อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร เมื่อไปถึงเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบศพ นางพัฒณี อายุ 51 ปี เจ้าของบ้านนอนอยู่พื้น โดยมีนายทศพร อายุ 43 ปี สามีนางพัฒนีนั่งอยู่ข้างศพและมีญาติพี่น้องอยู่ในที่เกิดเหตุ ใกล้กันบริเวณขื่อไม้บนเตาฟืนพบเชือกไนลอนและมีเก้าอี้ว่างอยู่ในจุดเกิดเหตุ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนนายทศพร สามีผู้ตายอ้างว่าช่วงเย็นของวันที่ 5 พ.ค.ตนได้อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง กระทั่งกลับเข้าบ้านเวลาประมาณเที่ยงคืนตนได้เดินไปห้องครัวหลังบ้านแล้วพบนางพัฒนี ผูกคอห้อยอยู่กับขื่อไม้ตนจึงรีบไปนำร่างของนางพัฒนีลงมานอนไว้ที่พื้นพร้อมทั้งได้เดินไปเรียกญาติพี่น้องให้มาช่วยเหลือ แต่ญาติไม่เชื่อว่าเป็นการผูกคอตาย ประกอบกับจากการสอบสวนนายทศพร พบพิรุธหลายอย่างเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำศพนางพัฒนีไปชันสูตรพลิกศพที่ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี โดยผลชันสูตรพบว่าศพนางพัฒนี กระดูกซี่โครงฝั่งซ้ายหัก 4 ซี่ บริเวณท้ายทอยถูกตีด้วยของแข็ง และเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงสอบสวนนายทศพร อย่างหนักจนรับสารภาพว่าตนกับภรรยามีเรื่องทะเลาะกันเป็นประจำโดยเฉพาะเวลาที่ตนดื่มเหล้า โดยช่วงบ่ายของวันที่ 4 พ.ค. ตนได้ทำร้ายร่างกายภรรยาไปครั้งหนึ่งจนภรรยาโทรศัพท์เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาระงับเหตุพร้อมทั้งพาไปตรวจร่างกายที่ รพ.ป่าติ้ว เพื่อมาแจ้งความเอาผิดตน กระทั่งช่วงเย็นภรรยากลับมาถึงก็เข้าบ้านปิดประตูขังตัวเองไว้ด้านใน ส่วนตนก็อยู่ด้านนอกในสภาพเมาสุรา ซึ่งตนก็พยายามเรียกให้ภรรยามาเปิดบ้านให้แต่ก็ไม่เป็นผล ตนจึงเดินไปมารอบบ้านกระทั่งนางพัฒนีได้เปิดประตูหลังบ้านออกมา ด้วยความไม่พอใจตนจึงรีบเข้าไปหาแล้วผลักนางพัฒนีจนล้ม พร้อมทั้งได้ตีและกระทืบจนหมดสติ จากนั้นตนจึงอุ้มนางพัฒนีเข้าห้องนอนแต่พบว่าไม่หายใจด้วยกลัวความผิดตนจึงนำร่างของนางพัฒนีมาจัดฉากให้เหมือนคนผูกคอตาย จากนั้นได้เดินไปเรียกญาติพี่น้องให้มาช่วยเหลือ
นายสมศรี พี่ชายผู้เสียชีวิตเล่าว่า น้องสาวคงถูกซ้อมเตะต่อยจนแน่นิ่ง นึกว่าเมียตายแล้ว ผู้ก่อเหตุกลัวความผิด เลยนำร่างที่แน่นิ่งไปแขวนคอ เพื่ออำพรางคดี ทำเนียนคล้ายช่วยชีวิตเมียตัวเองผูกคอตาย นำร่างลงมากอดศพร้องไห้
นายบุญตา อินอ่อน อายุ 70 ปี อดีตกำนันตำบลโพธิ์ไทร ญาติผู้ตายเผยว่าช่วงเวลา 03.00 น. ของวันที่ 5 พ.ค. ตนได้ทราบข่าวว่านางพัฒนี ได้ผูกคอเสียชีวิตเมื่อมาถึงบ้านที่เกิดได้เห็นสามีผู้ตายกอดศพพร้อมร้องไห้ ตนจึงถามว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร ซึ่งสามีผู้ตายก็เล่าว่าได้กลับจากอีกหมู่บ้านช่วง เวลา 02.00 น. และเดินไปที่ห้องครัวพบผู้ตายผูกคออยู่จึงรีบเข้าไปแก้เชือกเพื่อช่วยเหลือแต่ผู้ตายได้เสียชีวิตแล้ว โดยจากที่ตนสอบถามสามีผู้ตายได้ตอบคำถามสับสนไม่ตรงไปตรงมา เช่นช่วงเวลากลับเข้าบ้าน แต่ก็ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานกระทั่งช่วงเย็นถึงมาทราบว่าเป็นการฆาตกรรม
อย่างไรก็ตาม นายทศพรเป็นชาวชัยภูมิแต่งงานกับภรรยาคนแรกที่เป็นชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงจากนั้นได้เลิกรากัน กระทั่งมาคบหาเป็นสามีภรรยากับผู้ตายได้ประมาณปีกว่า แต่ด้วยนิสัยที่ฝ่ายชายเป็นคนชอบดื่มสุราแล้วมักทำร้ายร่างกายภรรยาเป็นประจำ จนเลิกกัน 4 ครั้งแต่ก็กลับมาอยู่ด้วยกันอีก กระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 4 พ.ค.ผู้ตายร้องไห้มาหาตนบอกว่าสามีทำร้ายร่างกาย และผู้ตายอยากเลิกตนจึงได้เดินทางมายังบ้านที่เกิดเหตุและพูดคุยกับฝ่ายชายว่าอย่าทำร้ายร่างกายกันอีก ห่างยังไม่เลิกตนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดโดยฝ่ายชายก็ได้ตอบรับ จากนั้นตนได้กลับเข้าบ้านกระทั่งช่วงบ่ายสามีผู้ตายได้ทำร้ายร่างกายอีกครั้ง จนผู้ตายได้โทรแจ้งตำรวจให้พาไปตรวจร่างการที่ รพ.ป่าติ้ว เพื่อเตรียมแจ้งความดำเนินคดีสามี กระทั่งช่วงเกิดเหตุผู้ตายมาบอกว่าภรรยาผูกคอเสียชีวิตดังกล่าว