ควันหลงจากกระแสข่าวที่สะพัดออกมาเมื่อคืนนี้ว่า การรวบรวมเสียงจากกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐฝั่งที่สนับสนุนให้ "บิ๊กป้อม" เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคแทนนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน น่าจะบรรลุเป้าหมายแล้วเพราะรวบรวมเสียงได้เกินครึ่ง แต่ความเคลื่อนไหวล่าสุดทั้งจาก พล.อ.ประวิตร และนายอุตตม ยังคงมีท่าทีปฏิเสธข่าวที่เกิดขึ้น
วันนี้ (14 พ.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่มีการล่ารายชื่อกรรมการบริหารพรรคให้ลาออกได้ถึง 23 เสียงแล้ว และมีการรวบรวมรายชื่อผู้ที่เซ็นใบลาออกและแจ้งความจำนงต่อ พล.อ.ประวิตร จนเกินครึ่งของกรรมการบริหารพรรค โดยปฏิเสธว่าไม่รู้ และไม่ทราบเรื่องดังกล่าว
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่านายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นหัวหน้าแล้วนั้น พล.อ.ประวิตร ก็ปฏิเสธว่าไม่ทราบในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน พร้อมยังยืนยันว่า ตนเองไม่รับเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการยื่นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอจัดประชุมใหญ่สามัญพรรค เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ หลังพิจารณา พ.ร.ก.เงินกู้ 3 ฉบับ ในต้นเดือน มิ.ย.
ขณะที่ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง โดยยืนยันว่า ยังไม่ได้ลาออก ซึ่งปัจจุบันทุกอย่างยังเหมือนเดิม และทำหน้าที่ตามปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รวมถึงไม่ได้รับแรงกดดันจากทางพรรคให้ลาออกจากตำแหน่งแต่อย่างใด ดังนั้นจึงมั่นใจว่า กระแสที่ออกมาจะไม่กระทบต่อการบริหารเศรษฐกิจอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ากระแสความวุ่นวายในพรรค พปชร. ถือเป็นเรื่องเสถียรภาพทางการเมือง ที่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ซึ่งหากรวมกับสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น อาจจะกระทบกับเศรษฐกิจมากขึ้น โดยยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า ไม่ทราบรายละเอียดว่านายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะลาออกจากกรรมการบริหารพรรค พร้อมกรรมการบริการพรรคคนอื่น ส่งผลให้พ้นจากตำแหน่ง และจะมีการให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแทน พร้อมระบุว่าไม่รู้เรื่อง ให้ไปถามเจ้าตัวเอาเอง ข่าวจริงหรือไม่ก็ไม่รู้
เช่นเดียวกับข่าว บมจ.การบินไทย ที่ระบุว่ารัฐบาลจะปล่อยให้ล้มละลาย ทั้งที่ความเป็นจริงยังอยู่ในการหารือของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลัง ซึ่งการให้ข่าวบางครั้งมีการสร้างความสับสนด้วยการให้ข่าวของแต่ละคน และบางเรื่องเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่จะต้องหารือร่วมกัน โดยบางเรื่องอาจส่งผลกระทบต่อบ้านเมืองได้