เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 20 ก.พ. ร.ต.อ.วรชัย ศรีแจ่ม รรอง สว.สส.(สอบสวน) สภ.ขลุง รับแจ้งเหตุคนร้ายคลุมไอโม่งวางระเบิดตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ บริเวณด้านหน้าสหกรณ์ เครดิต ยูเนียนอิมั้ง พื้นที่ม.8 ต.ซึ้ง อ.ขลุง จ.จันทบุรี หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ดำรง เอี่ยมไพโรจน์ ผกก.สภ.ขลุง, พ.ต.ท.สราวุธ บุญชัย สวป. และกำลังตำรวจชุดสืบสวน
ที่เกิดเหตุพบตู้เอทีเอ็มที่ติดตั้งได้เพียง 7 เดือน ด้วยงบประมาณของทางสหกรณ์ จำนวน 70,000 บาท ถูกแรงระเบิดจนโคมไฟส่องสว่างหล่นลงมากกองกับพื้น ชิ้นส่วนปูน สิ่งก่อสร้าง ชิ้นส่วนของตู้เอทีเอ็ม รวมถึงสะเก็ดระเบิด เหล็กแผ่น เหล็กเส้น กระจายเกลื่อน ทั่วบริเวณ ผนังปูนบริเวณด้านข้าง ถูกแรงระเบิดจนทะลุ เจ้าหน้าที่ต้องกันพื้นที่ เพื่อรอหน่วยเก็บกู้ระเบิด พร้อมหน่วยพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ
จากการสอบสวนหนุ่มอายุ 29 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ ให้การว่า ตนเองมาเติมเงินที่ตู้เติมเงิน ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตร โดยจำได้อย่างแม่นยำว่า หลังจากเงินเข้าเมื่อเวลา 01.53 น. ก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว บริเวณด้านหน้าสหกรณ์ เครดิต จึงรีบออกมาดู ก็พบคนร้าย 2 คน สวมไอ้โม่งปิดบังใบหน้า ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงินดำ ขับขี่ซ้อนท้าย กันออกจากที่เกิดเหตุไปอย่างรวดเร็ว โดยมุ่งหน้าไปทางสุสานเขาโมย
ด้าน พ.ต.อ.ดำรง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ตลอดจนข้อมูลที่ได้จากพยานที่เห็นเหตุการณ์คาดว่า คนร้ายน่าจะมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี โดยเลือกลงมือตอนเวลา 01.00-02.00 น. ซึ่งคนส่วนมากกำลังนอนหลับพักผ่อน แต่เกิดผิดพลาด เนื่องจากเสียงของระเบิด ทำให้ผู้คนแตกตื่นและต้องรีบออกมาดู พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าทำการตรวจสอบ
เบื้องต้นสันนิฐานว่า เป็นระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอม ซึ่งจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบระเบิดมีอานุภาพรุนแรงมาก แรงระเบิดทำให้มีกลุ่มควันพวยพุ่งเป็นบริเวณกว้าง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับ นางเพ็ญทิวา มลิผล ประธานสหกรณ์เครดิตอิมั๊ง และผู้ใหญ่บ้าน ได้เดินทางมาตรวจสอบพร้อมให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน เพื่อรอหน่วยเก็บกู้ระเบิด พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าทำการตรวจสอบ เพื่อหาเบาะแส ร่องรอยของคนร้าย เพื่อติดตามมาดำเนินคดีต่อไป
จากการสอบถาม นางเพ็ญทิวา เบื้องต้นไม่พบความขัดแย้งภายในสหกรณ์ สันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะประสงค์ต่อทรัพย์ แต่ระเบิดไม่สามารถทำลายตู้นิรภัยด้านใน ทำให้คนร้ายไม่สามารถนำเงินออกไปได้