นายกรัฐมนตรียืนยันต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน และผ่อนปรมมาตรการบางธุรกิจ ปัดตอบแทนผลประโยชน์ 20 มหาเศรษฐี ขออย่าฟังข่าวบิดเบือน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า รัฐบาลมีความจำเป็นต้องต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. เป็นต้นไป โดยกิจกรรมส่วนใหญ่ต้องคงไว้ต่อไปและมีมาตรการบางอย่างที่ต้องผ่อนปรน โดยให้ คณะกรรมการไปศึกษาว่ากิจกรรมใดควรจะมีการผ่อนปรนบ้าง แต่ยังคงเวลาเคอร์ฟิว 22.00 – 04.00 น. เหมือนเดิม
ซึ่งเข้าใจดีถึงความเดือดร้อนของประชาชน เพราะประชาชนลำบาก โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ซึ่งรัฐบาลได้มีมาตรการหลายอย่างออกมาช่วยเหลือเยียวยา ในครั้งแรกจะมีการประมาณรายจ่ายเพียง 3 ล้านคน แต่ขณะนี้พบว่า มีหลาย 10 ล้านคน ซึ่งต้องดำเนินการไปตามสัดส่วนที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตัวอย่างว่าจะดูแลทุกภาคส่วนทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบอาชีพอิสระ แรงงานทั้งในและนอกระบบ รวมถึงผู้พิการและกลุ่มเปราะบางโดยขอให้รอฟังรายละเอียดภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้มอบนโยบายในการพิจารณาหลักการให้กับคณะกรรมการคือต้องนำกิจกรรมทั้งหมดที่มีอยู่ทั้งในกรุงเทพมหานครและท้องถิ่นมาดู เพราะหลายจังหวัดได้มีการกำหนดมาตรการของตนเอง และจะต้องมีมาตรการส่วนกลางที่เป็นนโยบายหลักโดยจะแบ่งการผ่อนปรนมาตรการออกเป็น 4 ระยะ เป็น 4 ระยะ 14 วัน เพื่อให้มีการประเมินว่าหากเปิดไปแล้วจะไม่กลับมาแพร่ระบาดอีก
อย่างไรก็ตาม ย้ำว่ารัฐบาลคำนึงถึงผู้มีรายได้น้อยทุกคน แต่ประชาชนต้องให้ความร่วมมือกับรัฐบาลรวมถึงในส่วนของผู้ประกอบการต้องให้ความร่วมมือกับรัฐบาลและคำนึงถึงชีวิตความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลักด้วย โดยเฉพาะมาตรการทางสาธารณสุข โดยต้องติดตามด้วยว่าหากมีการผ่อนคลายไปแล้วและมีการกลับมาแพร่ระบาดอีกก็มีความจำเป็นที่จะต้องขอให้ปิดฉะนั้นขอให้ช่วยกันทำให้ดีที่สุดในระยะแรกที่จะมาการผ่อนปรน
นายกฯ ขอผู้ประกอบการใจเย็นๆ ผ่อนปรนบางอย่างแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ฝากถึงสถานประกอบการต่างๆ ว่า ขอให้ใจเย็นๆ และเชื่อว่าปวดหัวกับตนเองมาแล้ว แต่ตนเองก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน เพราะหน้าที่ของตัวเองคือการเข้ามาทำงานเพื่อดูแลประชาชน แต่ขณะนี้สถานการณ์กดดันหลายอย่าง ซึ่งไม่ใช่ประเทศไทยประเทศเดียว แต่ยังคงมีภูมิภาคอื่นทั่วโลกเดือดร้อนจากโควิด-19 ทั้งหมด แต่ยืนยันว่า งบประมาณขณะนี้มีแผนการใช้จ่าย ซึ่งอยากให้แยกแยะด้วยว่า อะไรที่เกิดจากผลกระทบของโควิด-19จริงๆ และ อะไรที่ใช้ในการบริหารส่วนอื่น
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่าคณะรัฐมนตรีมีมติไม่มีการเลื่อนวันหยุดในเดือนพฤษภาคมโดยให้หยุดราชการตามปกติเดิมแต่ต้องมีมาตรการป้องกันการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเข้มงวดและดูแลพนักงานในองค์กรให้ดีที่สุด ส่วนการจำกัดการเข้าออกภายในประเทศนั้นได้มีการขยายออกไปถึงวันที่ 31 พฤษภาคม
โดยไม่ให้เครื่องบินโดยสารบินเข้าประเทศนอกจากการขนส่งสินค้าและการนำคนไทยที่ตกค้างกลับเข้าประเทศเท่านั้น เดียวกับการชะลอเดินทางข้ามต่างจังหวัดก็ยังคงอยู่เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประกาศผ่อนปรนกิจกรรมบางอย่าง ขอให้ประชาชนระมัดระวังการเข้าพื้นที่ที่มีคนจำนวนมากเพื่อรักษาตนเองและครอบครัวและขออย่าพึ่งเรียกแรงมากแต่ให้ยึดเอามาตรฐานกลางก่อนส่วนในเรื่องการปฏิบัติของแต่ละพื้นที่นั้นขอให้ฟังจากกระทรวงมหาดไทยและปฏิบัติตามอย่าทำให้ทุกอย่างที่ทำมาทั้งหมดเสียเปล่า
นายกฯ ไม่ตอบประเด็นการเมืองช่วงนี้ ชี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า ไม่ขอตอบในประเด็นการเมือง เพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญในช่วงนี้ โดยขอเน้นเรื่องของการทำงานมากกว่า ที่จะดูแลฟื้นฟู คืนความสุขให้แก่ประชาชนตามระยะเวลาที่กำหนดไว้
ส่วนเรื่องใดที่สร้างความบิดเบือน สร้างความไม่เข้าใจ ไม่มีประโยชน์ คิดว่าไม่ควรพูดดีกว่า พร้อมทั้งได้ขอร้องประชาชน ที่จะมีคนเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง แต่ขอให้ช่วยกันมองถึงเจตนารมณ์ของรัฐบาล และคณะรัฐมนตรี ที่มุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ซึ่งไม่สามารถที่จะดูแลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ แต่ต้องดูความเดือดร้อนของประชาชน โดยยึดด้านสาธารณสุขเป็นหลัก พร้อมได้ขอบคุณทุกภาคส่วนในการให้ความร่วมมือรัฐบาล
นายกฯ ปัดตอบแทนผลประโยชน์ 20 มหาเศรษฐี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวถึงความคืบหน้าการส่งจดหมายเปิดผนึกถึง 20 มหาเศรษฐี ว่า ได้รับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจขนาดใหญ่ ทั้ง 20 ราย ที่ ได้ทยอยตอบกลับมาแล้ว ซึ่งก็ไม่เห็นว่ามีใครให้เงินรัฐบาล มีแต่เพียงว่าได้ดูแลคนในองค์กรอย่างไรแล้วบ้าง ทั้งการจ้างงาน หาอาชีพเสริม พร้อมยังได้มีการเสนอแนะด้านเศรษฐกิจ โดยมีความเห็นตรงกันในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำที่จะต้องทำให้เกิดความทั่วถึงและพร้อมที่จะสนับสนุนรัฐบาล เพื่อให้ประชาชนมีแหล่งน้ำ และสัญญาว่าจะดูแลประชาชนให้มากขึ้น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ลดปัญหาเชิงซ้อน และร่วมมือกับรัฐบาลต่อไปในอนาคต แม้ที่ผ่านมาจะได้ให้ความร่วมมือในหลายเรื่อง ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถดูแลประชาชนได้ 100% จึงจำเป็นต้องอาศัยภาคส่วนต่างๆเข้ามาร่วมมือ ซึ่งในช่วงนี้ควรจะเป็นช่วงเวลาที่จะต้องให้ความร่วมมือกันมากที่สุด ไม่ควรจะมีข้าง แต่ควรจะมีข้างเดียวกันทั้งหมดที่จะดูแลประชาชนคนไทยให้ดีที่สุดให้สมกับความเป็นไทย มีอัตลักษณ์ความเป็นไทย มีน้ำใสใจคอที่เผื่อแผ่แบ่งปัน และมีจิตสำนึก
นอกจากนี้ ยังมีความคิดเห็นตรงกับรัฐบาลว่าโลกหลังจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งในเรื่องของการดำรงชีวิต โดยเฉพาะสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่จำเป็นต้องสานต่อตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศอย่างเต็มรูปแบบหรือสูงสุดในอนาคต ให้หลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง
อย่างไรก็ตาม ยังขอบคุณภาคธุรกิจใหญ่ 20 ราย ที่ไม่มีใครร้องขอผลประโยชน์และยืนยันว่า ไม่มีเรื่องการตอบแทนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน จึงขออย่าไปรับฟังข่าวบิดเบือน และได้เน้นย้ำให้ทุกกระทรวงติดตามคำพูดที่มีการบิดเบือนจนทำให้เกิดผลกระทบต่อการทำงาน โดยใช้กฎหมายเข้าไปดูแล และวันนี้ต้องไม่ลืม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในการควบคุม ที่มีความรุนแรงกว่ากฎหมายปกติ และขอย่าละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะทำให้เราปลอดภัย ได้รับการชื่นชมจากทั้งในและต่างประเทศ พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีอะไรปิดบังทั้งสิ้น เป็นไปตามข้อมูลที่มีอยู่ และขอความร่วมมือ ความเข้าใจจากทุกคน อย่ามองในทางที่ผิดไปทั้งหมด