จากกรณีแม่ค้าอาหารทะเลสดร้องเรียนสื่อ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทลุง จับกุมขณะขับรถกลับบ้านในพื้นที่ ต.พญาขัน อ.เมือง จ.พัทลุง หลังไปรอรับอาหารทะเลในพื้นที่จังหวัดตรัง โดยแจ้งข้อหาฝ่าฝืนช่วงเคอร์ฟิว เมื่อคืนวันที่ 2 มิ.ย.63 หลังนำตัวไปที่ สภ.เมืองพัทลุง ได้เรียกเงินแลกกับการปล่อยตัว พร้อมทั้งให้แกะหอยนางรมให้กินแกล้มเหล้า ภายในห้องทำงานของ สภ.เมืองพัทลุง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.63 พล.ต.ต.กฤษดา แก้วจันดี ผบก.ภ.จว พัทลุง กล่าวว่า ผลการสอบสวนข้อเท็จจริงชั้นต้นจะแล้วเสร็จภายในวันนี้ ยอมรับว่ากรณีดังกล่าวมีมูล ซึ่งเบื้องต้นได้สั่งย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดดังกล่าว ระดับชั้นประทวนที่มีการพาดพิงถึง 3 นาย เข้าปฏิบัติหน้าที่เวรยามที่ ตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง โดยไม่ให้ลงทำงานที่เกี่ยวข้องกับประชาชนในพื้นที่ พร้อมในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.) จะได้มีการแต่งตั้งกรรมการ ขึ้นมา จำนวน 1 ชุด เพื่อสอบสวนและรวบรวมหลักฐานทั้งหมด โดยเฉพาะหลักฐานที่เป็นเอกสารทั้งสลิปการโอนเงิน ทั้งสอบสวนผู้เสียหาย สอบเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นประทวนทั้งหมด ในการสอบสวน จะหาข้อเท็จจริงเรื่องกินเหล้าในที่ทำงานขณะปฏิบัติหน้าที่ด้วย หากหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นตำรวจระดับไหน ก็จะเอาผิดทั้งทางวินัยและอาญา โดยคาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ภายใน 7 วัน

ในส่วนของผู้เสียหาย หากโดนคุกคามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุด ก็สามารถเข้ามาร้องเรียนเพิ่มเติมได้ และขอให้เชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีดังกล่าว อยู่ในความสนใจของประชาชนในพื้นที่จังหวัดพัทลุง เป็นอย่างมาก เนื่องจากพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดดังกล่าวได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างหนัก มีการจับกุมแล้วเรียกค่าไถ่เงินเป็นว่าเล่น ตั้งแต่ หลักพัน ถึง หลักแสน ในกระแสโซเชียล ยังมีการเรียกร้องให้ผู้บังคับบัญชาเอาผิดให้ถึงที่สุด

ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนาเจริญ รองโฆษก ตร.กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า เบื้องต้นมีการการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และเมื่อช่วงค่ำวันที่ 4 มิ.ย.ได้เชิญผู้เสียหายและนายตำรวจยศ ด.ต. 1 นาย มาสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งจะทราบผลภายใน 3 วัน เท่าที่ได้รับรายงานเบื้องต้น พบมีตำรวจที่เกี่ยวข้องในคดีนี้เพียง 1 นายเท่านั้น แต่หากแนวทางในการสอบสวนพบว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องก็จะถูกดำเนินการตามกฎหมายและลงโทษทางวินัยไม่ละเว้น ส่วนรายละเอียดยังไม่สามารถระบุได้ว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์ตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างจริงหรือไม่ ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยคาดว่าจะทราบผลในวันสัปดาห์นี้.