ชาวโคราชไม่ยอม ต้องให้บ๊วยและเรนนี่มาขอขมาย่าบุญเหลือและย่าโมที่ทุ่งสัมฤทธิ์ สถานที่ต่อสู้กอบกู้เมืองโคราช แค่ขอโทษและถอนรายการจากช่องทีวีไม่เพียงพอ
นครราชสีมา-วันนี้ (9 กรกฎาคม 2563) จากกรณีที่รายการ ช่องส่องผี นำโดย นายเชษฐวุฒิ วัชรคุณ หรือบ๊วย อาจารย์เรนนี่ สุระประภา คำขจร และเจมส์ ศราวุฒิ วรพัทธ์ทีวีโชติ ได้เดินทางมาบันทึกเทปรายการที่วัดศาลาลอย อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นวัดที่บรรจุอัฐิของท้าวสุรนารี หรือย่าโม ที่ชาวนครราชสีมาและคนไทยทั้งประเทศให้ความเคารพนับถือ เป็นวีรสตรีที่ร่วมกับนางสาวบุญเหลือ ลูกบุญธรรมและหญิงกล้าชาวโคราช ร่วมกันกอบกู้เมืองนครราชสีมาที่ถูกข้าศึกเข้ามายึด โดยในระหว่างที่มีการบันทึกเทปที่บริเวณหน้าอุโบสถเก่า ที่มีรูปปั้นของพระยาปลัดทองคำเจ้าเมืองนครราชสีมา สามีของท้าวสุรนารีหรือย่าโม อาจารย์เรนนี่ ได้กล่าวช่วงหนึ่งว่า ตนเองมีจิตสัมผัสต่อสิ่งลี้ลับเมื่อมายืนอยู่ตรงนี้ ท่านปลัดทองคำ และคุณย่าโม รวมทั้งนางสาวบุญเหลือ ก็มาอยู่ตรงนี้ด้วยกัน โดยท่านปลัดทองคำบอกว่า แม่บุญเหลือเป็นเมียของท่านอีกคนหนึ่ง ส่วนย่าโมเป็นเมียหลัก แม่บุญเหลือเป็นเมียสอง ไม่ใช่ลูกสาวบุญธรรม และแม่บุญเหลือก็เป็นคนบอกอาจารย์เรนนี่เองว่า เป็นเช่นนั้นจริงๆ คุณย่าบุญเหลือก็อยู่ที่นี่อยู่ตรงก้านธูป แม่บุญเหลืออยู่ด้านหลังปลัดทองคำ พร้อมชี้ให้กล้องแพนไปที่บริเวณที่ตั้งธูปเทียน ซึ่งหลังเทปรายการออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งไปแล้ว ก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นในจังหวัดนครราชสีมาเป็นอย่างมาก โดยส่วนใหญ่มีการตำหนิวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมนั้น
ล่าสุด นาง แม้น ด้วงกลาง อายุ 72 ปี ชาวบ้านในอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ผู้ดูแลศาลย่าโมและย่าเหลือ ตัวแทนชาวบ้านในอำเภอพิมาย ได้ออกมาเรียกร้องให้ผู้ดำเนินรายการทุกคน เข้ามากราบขอขมาคุณย่าโม และคุณย่าเหลือ ภายในอนุสรณ์สถานวีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์ ตำบลสัมฤทธิ์ อำเภอพิมาย เพราะแค่ขอโทษและถอนรายการจากช่องทีวีไม่เพียงพอ ซึ่งที่ตั้งของอนุสรณ์สถานวีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์ เป็นพื้นที่เกิดเหตุจริง เคยเป็นสนามรบระหว่างชาวเมืองโคราชและทหารลาวของเจ้าอนุวงศ์ เมื่อครั้งสงครามในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยชาวบ้านสัมฤทธิ์ ได้ร่วมกันสร้างศาลสถิตดวงวิญญาณขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2531 เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานอุทิศแด่ดวงวิญญาณของคุณย่าโม นาวสาวบุญเหลือและวีรชนชาวโคราช ที่ได้สร้างวีรกรรมอันหาญกล้า ท้าสู้รบกับกองทัพลาวจนได้ชัยชนะ ชาวตำบลสัมฤทธิ์ จึงจัดงานฉลองและรำลึกถึงวีรกรรมทุกปี