วันที่ 4 ก.ค.63 หญิงสาวรายหนึ่งได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุความเดือดร้อนจากสถานบันเทิงที่เพิ่งกลับมาเปิดได้ โดยระบุข้อความว่า "เปิดวันแรกการ์ดตก เป็นความรับผิดชอบของ สภ.ปากเกร็ด" ก่อนจะโพสต์อีกครั้ง เป็นคลิปวีดีโอบรรยากาสสถานบันเทิงดังกล่าว พร้อมข้อความว่า "คืนที่ 2 แล้วที่เราต้องทนสงสารลูกและพ่อแม่ ต้องอดหลับอดนอน"
จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่า สถานบันเทิงที่ถูกผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวพูดถึง อยู่บนถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ดสามัคคี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาพบว่า ร้านแห่งนี้มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามานั่งดื่มกินในร้านจำนวนมากจนแน่นร้าน ไร้มาตราการตรวจวัดคัดกรองอุณหภูมิผู้ที่เข้ามานั่งดื่มกินในร้าน นอกจากนี้โต๊ะนั่งยังเบียดชิดกันติดๆ ไม่มีการเว้นระยะห่างตามมาตราการทางสังคม บางโต๊ะก็พบว่านั่งรวมกันเป็นกลุ่มเกิน 5 คน และภายในร้านยังมีการจำหน่ายบารากู่ให้กับนักดื่มในร้านอีกด้วย ออกจากนี้ทางร้านยังได้เปิดเสียงดนตรีในระดับที่ดังมากอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการเฝ้าสังเกตพบว่า ร้านแห่งนี้ได้เปิดให้วงดนตรีแสดงสดถึงเวลา 01.00 น. ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นการเปิดเพลงแทน โดยมีนักดื่มแน่นร้านแม้จะเลยเวลาตามที่กฏหมายกำหนด โดยไร้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบมาดูแล นอกจากนี้ยังปล่อยปละให้นักดื่มนำรถมาจอดริมถนนเป็นทางยาวทั้งสองฝั่งถนน ทำการจราจรติดขัดเพราะเหลือถนนให้รถวิ่งเพียงเลนเดียว สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ อีกด้วย
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าพบ นายต้น(นามสมมุติ) อายุ 55 ปี สามีของผู้โพสต์คลิปดังกล่าว เปิดเผยว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบ มาวัดระดับเสียงที่เขาเปิดว่าถูกต้องหรือไม่ มีใบอนุญาตไหม สถานประกอบการถูกต้องหรือไม่ ร้านนี้เปิดมาปีกว่า ก่อนหน้านี้เสียงเบา เล่นดนตรีแบบโฟล์คซอง แล้วมาเปลี่ยนเป็นเครื่องเสียง ก่อนช่วงสถานการณ์โควิดจะระบาด เคยเปิดลากไปจนถึงตี 2 ตี 3 บางวันมีเสียงรถจักรยานยนต์มาเบิ้ลเครื่องแข่งกัน เราเป็นคนทำงานปกติตื่นเช้าร่างกายไม่ได้นอน ทนไม่ไหว 2 วันที่ผ่านมารัฐบาลปลดล็อกเฟส 5 ให้สถานบริการปิดได้ไม่เกิน 24.00 น. แต่ 2 วันมาแล้วเขาลากไปปิดตี 2
ขณะที่ภรรยาของนายต้น กล่าวว่า ตนไม่เคยเจอเจ้าของร้านเลย แต่อยากให้เขาเบาเสียงลงหน่อย คนที่บ้านนอนไม่ได้ ทุกวันนี้พวกเราต้องมาปรับตัวเอง ตนว่ามันไม่ใช่ให้พวกเราต้องมาปรับตัวเอง มาช่วยตัวเอง ไม่ให้เสียงมารบกวนพวกเรา อยากให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ แต่ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ที่ทำงานจริงๆ อย่ามาทำให้แบบจบๆไป ขอคนที่ทำงานจริงจังแก้ปัญหา เพราะครอบครัวเราเดือดร้อนจริงๆ ขอให้เขามาทำงานแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ตอนนี้ร้างกายตนได้รับผลกระทบ ไม่อยากคุยกับใคร เครียดจนจะเป็นโรคซึมเศร้า ครอบครัวเราปรับตัวกันไม่ได้ พ่อแม่ท่านก็แก่แล้วนอนไม่ได้ บ้านตนเป็นร้านค้าขายต้องตื่นมาทำงานแต่เช้า ตนบอกเขาหลายรอบแล้วเขาก็ไม่แก้ไข วันต่อไปก็ทำเหมือนเดิม ตนเดือดร้อนนอนไม่ได้จริงๆ