(29 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้ทาง นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอเชียงแสน ร่วมกับทางหน่วยงานความมั่นคงส่วนต่างๆ ช่วยกันตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือ นายสิงห์แก้ว วงศ์ใหญ่ ประธานสมาคมส่งออกสัตว์เชียงแสน อ.เชียงแสน
หลังจากที่เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายสิงห์แก้ว ได้เดินทางข้ามไปยังประเทศ สปป.ลาว โดยเดินทางออกจากประเทศไทยผ่านทางจุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำ หมู่บ้านสบรวก หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน แล้วข้ามไปยังฝั่งเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เพื่อติดต่อธุรกิจกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน
แต่ปรากฎว่าหลังจากที่นายสิงห์แก้วเดินทางข้ามไปแล้ว ไม่ได้เดินทางกลับมา แต่ปรากฎข้อความและภาพจากกลุ่มคนติดอาวุธ ซึ่งไม่ทราบฝ่ายที่ชัดเจนว่าเป็นคนใน สปป.ลาวหรือเป็นบุคคลสัญชาติใด โดยระบุว่า นายสิงห์แก้ว ได้ถูกจับกุมตัวอยู่ในฝั่ง สปป.ลาว และขอให้ญาติหรือผู้ที่ต้องการช่วยเหลือได้นำเงินไปไถ่ตัวจำนวน 5 ล้านบาท จึงจะปล่อยตัวนายสิงห์แก้วให้กลับประเทศไทย
ทำให้ทาง น.ส.รสริน ลูกสาวของนายสิงห์แก้ว ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงแสน ว่า พ่อได้หายไปและยังพบว่าได้มีผู้ส่งข้อความและคลิปวิดิโอมาให้ด้วย โดยเป็นภาพของนายสิงห์แก้วสภาพถูกยิงเข้าที่บริเวณต้นขาขวา และมีรอยคราบเลือดติดอยู่ที่กางเกง รวมทั้งมีการใช้อาวุธปืนสั้นจ่อที่ศีรษะ จากนั้นมีข้อความขู่ว่าให้โอนเงินเข้าไปยังบัญชีของธนาคารแห่งหนึงของไทย ทำให้เจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือดังกล่าว
ภาพที่กลุ่มคนร้ายส่งมาข่มขู่ อ้างจับตัว "เสี่ยสิงห์แก้ว" เอาไว้
จากรายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับนักธุกิจชายแดนทั่วไปพบว่าได้ทำการค้าขายกับพ่อค้าชาวจีนด้วยการส่งออกสินค้าโค กระบือ สุกร รวมทั้งอาจจะมีประเภทสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ เช่นเดียวกับกรณีของนายสิงห์แก้วก็มีการค้าขายสินค้าหลายประเภทกับพ่อค้า สปป.ลาว และพ่อค้าชาวจีน ซึ่งเมื่อมีการตกลงทางการค้ากันแล้ว
แต่ปรากฎว่าไม่สามารถจัดหาสินค้าไปส่งให้ได้ทันเวลาที่กำหนด หรือค้างค่างวด ซึ่งมีการซื้อขายน้ำตาลเป็นวงเงินกว่า 15 ล้านบาท ทำให้กลุ่มที่ค้าขายด้วยจึงได้เรียกไปเจรจาหารือเพื่อหาทางออกในฝั่ง สปป.ลาว กระทั่งถูกจับตัวไปดังกล่าว
อย่างไรก็ตามล่าสุดมีรายงานด้วยว่าดเจ้าหน้าที่ของ สปป.ลาว ได้ทราบเรื่องและได้จัดกำลังชุดพิเศษ ออกติดตามหาตัวนายสิงห์แก้วเพื่อให้การช่วยเหลืออีกทางหนึ่งแล้ว
ทั้งนี้ปัจจุบันธุรกิจส่งออกโคและกระบือมีชีวิตลุ่มน้ำโขงที่ อ.เชียงแสน ถือเป็นการส่งออกรายใหญ่โดยในปี 2561 มีการส่งออกไปมากกว่า 22,052 ตันมูลค่ากว่า 1,766,935,500 บาท สุกรมีชีวิต น้ำหนัก 12,150 ตัน มูลค่า 708,091,500 บาท และเฉพาะเดือน มิ.ย.2562 ที่ผ่านมาพบว่ามีการส่งออกโคและกระบือไปแล้วน้ำหนัก 1,540 ตัน มูลค่ากว่า 133,924,500 บาท