กฎหมายใหม่ของเยอรมนี ระบุให้ประชาชนทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัย เมื่อออกมาในที่สาธารณะ รวมไปถึงการใช้บริการขนส่ง หากไม่ปฏิบัติตามมีโทษปรับตั้งแต่ 25 - 10,000 ยูโร
วันจันทร์ที่ผ่านมา (27 เม.ย.) 15 รัฐในเยอรมนีประกาศบังคับใช้กฎการสวมหน้ากากอนามัยที่เรียกว่า Maskenpflicht โดยกฎหมายดังกล่าวระบุว่า ประชาชนต้องสวมหน้ากากทุกคนเมื่อออกจากบ้านโดยเฉพาะเมื่อใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ การเดินทางไปร้านค้าต่างๆ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ระบุว่า หน้ากากที่สวมนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เป็นผ้าพันคอ หรือหน้ากากผ้าที่สามารถปิดจมูกและปากได้
กฎหมายการสวมหน้าในเยอรมนีนั้น ทางการเยอรมันนี้ได้ตั้งบทลงโทษสำหรับผู้ที่ไม่ทำตามโดยจะถูกปรับตั้งแต่ 25 -10,000 ยูโร หรือประมาณ 900-36,000 บาท ซึ่งบทลงโทษจะขึ้นตามแต่ความเคร่งครัดของแต่ละรัฐและการกระทำผิดของประชาชน โดย 'รัฐบาวาเรีย' เป็นรัฐที่มีบทลงโทษที่เข้มงวดที่สุด โดยทางรัฐตั้งค่าปรับไว้ที่ 150 ยูโร สำหรับผู้ที่ไม่สวมใส่หน้ากากเมื่อใช้บริการขนส่งสาธารณะ และหากพบว่าทำผิดซ้ำสองจะถูกปรับเพิ่มขึ้นเป็น 300 ยูโร ขณะที่เจ้าของร้านค้าจะถูกปรับเงิน 5,000 ยูโร หากพบว่าทางร้านไม่จัดหาหน้ากามาให้พนักงานสวมใส่
ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวในรัฐส่วนใหญ่ของเยอรมนีจะบังคับใช้กับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 ขวบขึ้นไป ขณะที่บางรัฐของเยอรมนีระบุให้เด็กตั้งแต่อายุ 2 ขวบขึ้นไป ต้องสวมใส่หน้ากากเช่นกันเมื่อใช้บริการสาธารณะและเข้าใช้บริการร้านค้าต่างๆ
ปัจจุบันเยอรมนีประกาศคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยอนุญาตให้ร้านขายสินค้าบางประเภทอย่างเช่น ร้านขายเสื้อผ้า กลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง แต่ต้องรักษาระยะห่างของผู้ใช้บริการอย่างเคร่งครัด ขณะที่ร้านอาหารและบาร์ยังไม่อนุญาตให้มีการนั่งดื่มหรือนั่งรับประทานอาหารภายในร้านทั้งนี้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดที่เกิดจากความใกล้ชิด