จากการสอบถาม นายชัยชนะ เกิดดี เจ้าของร้านทุเรียน เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ผ่านมา นางสาวอุมากรณ์ ได้มาขอร่วมการแข่งขันกินทุเรียน 4 กิโลกรัม ภายในเวลา 3 ชั่วโมง หากทำได้จะรับเงินรางวัล 5,000 บาท โดยนั่งรถแท็กซี่มาจากจังหวัดสมุทรปราการ บอกว่าพบเห็นมาจากในโลกออนไลน์ จึงตั้งใจมาลองกินดู หลังจากนั้น เมื่อเวลาครบ 3 ชั่วโมง นางสาวอุมากรณ์ ไม่สามารถกินได้หมด โดยกินไปได้เพียง 2 กิโลกรัม แต่นางสาวอุมากรณ์ สั่งให้ปอกทุเรียนมาให้ครบ 4 กิโลกรัมเลย จึงต้องเสียค่าทุเรียนกิโลกรัมละ 350 บาท รวมทั้งสิ้น 1,400 บาท ยังไม่รวมค่าปอกทุเรียนตามกติกาอีก 1,000 บาท แต่เมื่อสอบถามพบว่ามีเงินติดตัวอยู่เพียงแค่ 50 บาท และยอมรับสารภาพว่า ตั้งใจมากินทุเรียนเพื่อหวังเงิน 5,000 บาท โดยเชื่อมั่นว่าจะทำได้แน่นอน แต่พอมากินกลับทำไม่ได้ รวมทั้งไม่มีเงินจ่ายค่าแท็กซี่อีกด้วย โดยแท็กซี่ได้ยึดบัตรประชาชนไว้ ก่อนขับรถกลับไปทันที
นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนเองยังไม่ให้ นางสาวอุมากรณ์ และลูกอีก 3 คนไปไหน แต่ด้วยความสงสารเด็กทั้งสามคนจึงเลี้ยงข้าวหมูแดงเด็กทั้งสามคนก่อนด้วย และบอกให้ นางสาวอุมากรณ์ หาเงินมาจ่ายก่อน โดยนางสาวอุมากรณ์ ได้โทรหาใครอีกคนและบอกจะโอนเงินให้ 1,000 บาท พอสักครู่ได้มีเงินเข้ามาและนางสาวอุมากรณ์ ได้ส่งสลิปการโอนเงินออนไลน์ให้ดูว่าโอนเข้ามาแล้ว 1,000 บาท จึงตรวจสอบดูพบว่าเงินเข้าเพียง 10 บาทเท่านั้น ซึ่งพบว่าสลิปเงินที่ให้ดูมีการแก้ไขตัวเลขในสลิปเงิน จึงมั่นใจว่าเป็นพวกมิจฉาชีพมาหลอกกินฟรีแน่นอน
หลังจากนั้น นางสาวอุมากรณ์ ได้มีอาการเหงื่อออกเป็นจำนวนมาก วิงเวียนศีรษะ รู้สึกร้อนจากภายใน เนื่องจากการกินทุเรียนมากเกินไป จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มารับตัวไปส่งโรงพยาบาล โดยไม่ได้คิดเงินแม้แต่บาทเดียว จึงอยากจะแจ้งว่า กลุ่มคนพวกนี้เหมือนเป็นคนโลภ พอเห็นตั้งเงินรางวัล ก็มีความโลภ คิดอยากจะได้แต่ของคนอื่น จึงขอแจ้งว่า ครั้งต่อไปคนที่มีครรภ์ไม่ต้องมาแข่งกินทุเรียนเพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้
ด้านนายปัฐติภาร บุญยี่ เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยเพียวเยี่ยงไท้ ศรีราชา ได้กล่าวว่า หลังจากที่มาส่ง นางสาวอุมากรณ์ ที่โรงพยาบาล ได้สอบถามนางสาวอุมากรณ์ และให้การยอมรับว่าไม่มีเงินจริง แต่คิดว่ากินได้ และอยากได้เงินรางวัล 5,000 บาท จึงเสี่ยงมาลองแข่งขันดู ตนจึงเกิดความสงสารจึงมอบเงินให้ นางสาวอุมากรณ์ เพื่อเดินทางกลับบ้านไปอีก 300 บาทด้วย