หนุ่มวัย 19 ปี ผูกคอตายที่ห้องพักคนงาน หลังง้อแฟนสาวไม่สำเร็จ แม่เผยก่อนเกิดเหตุมีคนบอกน้าว่าหลานฆ่าตัวตาย ก่อนจะเสียชีวิตที่จุดดังกล่าวจริงๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (2 ต.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 01.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พุเตย อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งว่า มีเหตุคนผูกคอตายที่บริเวณด้านหลังห้องพักคนงาน ภายในโรงงานแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 7 ต.พุขาม อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ โดยสถานที่เกิดเหตุเป็นห้องพักคนงาน มีลักษณะเป็นห้องแถวชั้นเดียวเรียงติดกันหลายห้อง
ที่เกิดเหตุ พบศพผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อภายหลังว่า คือ นายศุภกิจ อายุ 19 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พุเตย จึงได้ทำการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พร้อมทั้งถ่ายภาพและลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะมอบหมายให้อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู จุดพุเตย นำร่างผู้เสียชีวิตไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ที่โรงพยาบาลวิเชียรบุรี
จากการสอบถาม ผู้ที่อยู่อาศัยในห้องพักดังกล่าว ทราบว่า ผู้เสียชีวิตเคยทำงานอยู่ที่โรงงานดังกล่าวกับแฟนสาว และพักอยู่ด้วยกันในห้องที่เกิดเหตุ แต่เมื่อไม่นานมานี้ผู้เสียชีวิตได้ลาออกจากงาน เพราะมีปัญหาทะเลาะและทำร้ายร่างกายกันกับแฟนสาว ด้วยสาเหตุเรื่องความหึงหวง
ต่อมาผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาที่จุดเกิดเหตุในช่วงดึกของวันที่ 1 ต.ค. เวลาประมาณ 23.00 น.โดยขับรถจักรยานยนต์มาจอดที่ริมกำแพงรั้วหน้าโรงงาน แล้วปีนข้ามกำแพงรั้วเข้ามา เพื่อง้อขอปรับความเข้าใจกับแฟนสาว แต่ถูกปฏิเสธแฟนสาวไม่ยอมเปิดประตูให้เข้าไปในห้องพัก
ผู้ตายจึงพยายามแอบไปงัดประตูทางด้านหลังเพื่อเข้าไป ในขณะที่งัดประตูด้านหลังก็นำเอากุญแจไปล็อกที่ประตูด้านหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้แฟนสาวเปิดประตูหนีออกไปได้ ระหว่างที่ชายหนุ่มผู้เสียชีวิตกำลังงัดประตู ฝ่ายแฟนสาวก็พยายามหาที่หลบซ่อน
จนกระทั่งเวลาผ่านไปซักพักปรากฏว่า เสียงด้านนอกเงียบลง ฝ่ายแฟนสาวจึงตัดสินใจเข้าไปหลบอยู่ในห้องน้ำ และพยายามโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากคนรู้จักในโรงงาน แต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วยเหลือ และพบแฟนหนุ่มผูกคอเสียชีวิตอยู่ด้านหลังห้องพักดังกล่าว
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังวัดยางสามต้น ต.ภูน้ำหยด อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งศพของนายศุภกิจ พบ นางอุไร อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นแม่ของผู้เสียชีวิต เล่าว่า เมื่อประมาณ 2-3 วันที่แล้ว ลูกชายได้เดินทางไปหาตนเองที่จังหวัดลพบุรี บอกว่าได้ลาออกจากงานแล้วและจะมาอาศัยอยู่ด้วยสักพัก
ตนก็ไม่ได้สอบถามอะไรมาก เพราะเห็นว่าเพิ่งเดินทางมาถึงอาจจะเหนื่อย แต่พออยู่ได้ 2 วัน นายศุภกิจก็ได้เดินทางกลับมาที่บ้าน อ.วิเชียรบุรี
คืนก่อนเกิดเหตุ 1 วัน น้องสาวที่ อ.วิเชียรบุรี ซึ่งเป็นน้าของผู้เสียชีวิต ได้โทรศัพท์มาหาตน ว่าคนที่โรงงานเก่าบอกว่านายศุภกิจไปผูกคอตาย อยู่ที่หลังห้องพักที่โรงงานเก่า ที่นายศุภกิจเคยทำงานอยู่ ทั้งๆ ที่น้องชายของตนบอกยังคุยกับนายศุภกิจอยู่ที่ จ.ลพบุรี อยู่เลย จะไปผูกคอตายได้ยังไง จนทำให้วุ่นวายกันทั้งบ้าน
ต่อมานายศุภกิจได้เดินทางกลับมาที่บ้าน อ.วิเชียรบุรี และได้มาผูกคอตายตรงจุดนี้จริงๆ ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ และไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่องนี้กับนายศุภกิจจริงๆ ซึ่งก่อนที่นายศุภกิจจะบอกตนว่าจะกลับที่ อ.วิเชียรบุรี ได้บอกตนว่าจะไม่กลับมาอีกแล้วนะ ซึ่งตอนนั้นตนเองก็ยังไม่คิดว่าจะเป็นการลาครั้งสุดท้ายของลูกชาย จนกระทั่งทราบข่าวว่าเสียชีวิต
ด้าน นายอุดม อายุ 80 ปี ตาของผู้ตาย เล่าว่า หลังจากหลานชายกลับมาจาก จ.ลพบุรี มาถึงบ้านก็โยนสัมภาระทิ้งอย่างไม่ใยดี พร้อมกับบอกตนเองว่าจะออกไปข้างนอกสักหน่อย อาจจะไปยาวเลยนะ บางทีอาจจะไม่กลับมาอีก แล้วก็ขับรถจักรยานยนต์ออกไป
ตนเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นลางบอกเหตุอะไร จนกระทั่งเมื่อกลางดึกของวันเกิดเหตุ มีคนมาบอกว่า หลานตนเองได้ผู้คอตาย ให้ตนไปดูศพ ซึ่งตนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นหลานชายที่ตนเองเลี้ยงมาแต่เล็ก แล้วก็อาศัยอยู่ด้วยกันมาตลอด
นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านเล่าว่า ที่บ้านพักคนงานของโรงงานดังกล่าว ก่อนหน้านี้มีคนงานผูกคอตายมาแล้วถึง 2 คน สำหรับรายนี้เป็นรายที่ 3 ที่ผูกคอเสียชีวิตอีกเช่นกัน ไม่ทราบว่าจะเป็นอาถรรพ์อะไรหรือเปล่า ทำให้คนงานที่ยังพักอาศัยอยู่ในบ้านพักต่างหวาดกลัวและคิดกันไปต่างๆ นานา